วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2555

>> ซีพีแนะรัฐแก้ปัญหาส่งออกข้าว ชี้ทำเกษตรให้เป็นสหกรณ์

ซีพีแนะรัฐแก้ปัญหาส่งออกข้าว ชี้ทำเกษตรให้เป็นสหกรณ์
ซีพีแนะรัฐแก้ปัญหาส่งออกข้าว ชี้ทำเกษตรให้เป็นสหกรณ์
นายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ สายธุรกิจข้าวและอาหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาการส่งออกข้าวไทยที่ต้องเสียแชมป์การส่งออก เพราะราคาข้าวในประเทศที่สูงจากนโยบายรับจำนำข้าวทุกเมล็ดของรัฐบาลที่ทำให้ผู้ส่งออกไม่สามารถขายข้าวแข่งกับต่างประเทศได้ โดยระบุว่า ภาครัฐและเอกชนต้องผนึกกำลังปรับประสิทธิภาพการส่งออกข้าวไทย ด้วยการส่งเสริมให้มีการใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงรุก รวมทั้งสร้างภาพลักษณ์และให้ความรู้และเพิ่มการบริโภคข้าวไทยให้กว้างขวางขึ้น เช่นเดียวกับการใช้กลยุทธ์การตลาดด้านการท่องเที่ยวในตลาดโลก

ปรับปรุงงานวิจัยและพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยโดยกรมการข้าวและกรมวิชาการเกษตรให้มีพันธุ์ข้าวใหม่ที่เป็นข้าวไทยมีคุณภาพและประหยัดต้นทุนให้เกษตรกร ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนารูปแบบการเพาะปลูกให้ถูกวิธีเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน การใส่ปุ๋ยอย่างมีประสิทธิภาพและการจัดการเก็บเกี่ยวและหลักเก็บเกี่ยวอย่างมีประสิทธิผลอย่างจริงจัง ส่งเสริมการใช้ระบบสหกรณ์เพื่อควบรวมพื้นที่เพื่อทำให้จัดการพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสมกับการใช้เครื่องจักรในการเพาะปลูกและปฎิรูประบบการทำนาให้เป็นรูปธรรมอย่างจริงจังมากขึ้น

เนื่องจากระบบสหกรณ์จะทำให้การจัดสรรระบบสาธารณูปโภค ในการพัฒนาพื้นที่นาได้สะดวกและส่งเสริมให้การใช้นโยบายรับจำนำอย่างโปร่งใส โดยรัฐบาลต้องรับภาระเรื่องสต็อกข้าว ระบบการบริหารคลังสินค้าข้าว การตรวจสอบและควบคุมคุณภาพข้าวต้องปฎิบัติอย่างจริงจัง ขณะที่รัฐบาลต้องหาวิธีการระบายข้าวที่เป็นธรรมและมีประสิทธิภาพ โดยรัฐต้องดำเนินการอย่างมืออาชีพและมีความโปร่งใส รวมทั้งการจัดเก็บสินค้าข้าวเพื่อเป็นคลังสินค้าอาหารเพื่อความมั่นคงทางอาหาร

นายสุเมธ กล่าวว่า หากรัฐและเอกชนร่วมมือกันจะทำให้ระบบการค้าข้าวไทย ซึ่งภาครัฐมีบทบาทกำหนดแนวทางหลักจะส่งผลให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศได้อย่างเต็มที่และไทยยังคงสถานะการเป็นผู้นำการส่งออกข้าวคุณภาพที่ดีและมีมูลค่า

ผู้สื่อข่าว : นภา ศรประสิทธิ์
ข่าวจริง สปริงนิวส์ ทันเหตุการณ์ เห็นอนาคต

go6TV: "ช่างภาพ TPBS" ยืนยันกลางศาล "ฟาบิโอลา-ช่างภาพอิตา...

go6TV: "ช่างภาพ TPBS" ยืนยันกลางศาล "ฟาบิโอลา-ช่างภาพอิตา...: วันที่ 27 ธันวาคม 2555 (go6TV) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง 63 ศาลนัดไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ คดีหมายเลขดำ ช.10...

>> สองนักกรีฑาสาววังเจ้า-ผดุงปัญญา คว้านักกีฬายอดเยี่ยมวันกีฬาแห่งชาติ

สองนักกรีฑาสาววังเจ้า-ผดุงปัญญา คว้านักกีฬายอดเยี่ยม วันกีฬาแห่งชาติ



“สุนิษสา” เยาวชนทีมชาติ คว้ารางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมตามคาด ขณะที่นักกีฬาดาวรุ่งหญิง “มิ่งกมล” นักกีฬาในโครงการสปอตฮีโร่ กกท.สังกัด ร.ร.ผดุงปัญญา อนาคตนักกรีฑาทีมชาติ อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

นายมงคล สัณฐิติวิฑูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เป็นประธานงานประกาศเกียรติคุณนักกีฬาดีเด่นแห่งชาติ ประจำปี 2555 โดยภายในงานมีบุคคลสำคัญในวงการกีฬา, นักกีฬาชื่อดังจากฝ่ายกีฬาชมรมกีฬา สถานศึกษา หน่วยงานภาครัฐ- เอกชน ของจังหวัดตาก มาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ที่ห้องอาหารชมปิง โรงแรมเวียงตากริเวอร์ไซด์ อำเภอเมือง จังหวัดตาก  เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2555สรุปผลรางวัลได้ดังนี้


นักกีฬานักกีฬาสมัครเล่นชายดีเด่น ได้แก่ 
       1. นายชนะโชค เดชอภิรัตนมงคล นักกีฬาชนิดกีฬากอล์ฟ
       2. นายณัฐวัฒน์ ศุภชีวกุล นักกีฬาชนิดจักรยาน

นักกีฬาสมัครเล่นหญิงยอดเยี่ยม  ได้แก่ 
       นางสาว สุนิษสา บุญประสาร นักกีฬาชนิดกรีฑา (ขว้างค้อน)

นักกีฬาดาวรุ่งหญิง ได้แก่ 
       1. เด็กหญิง มิ่งกมล คุ้มผล นักกีฬาชนิดกรีฑา (ขว้างค้อน)
       2. เด็กหญิงรัฐนิชา บุญเดชา นักกีฬาชนิดว่ายน้ำ

ผู้ฝึกสอนกีฬายอดเยี่ยม  ได้แก่.
       นายอดิศักดิ์ คงเฟื่อง ผู้ฝึกสอนทีมกรีฑาจังหวัดตาก

โล่รางวัลเกียรติยศ ให้กับฝ่ายกีฬา ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดตาก
       ฝ่ายกีฬาฟุตบอล สมาคมกีฬาจังหวัดตาก

หน่วยงานที่สนับสนุนกีฬาดีเด่น ได้แก่ 
       องค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก

ผู้สนับสนุนกีฬาดีเด่น  จำนวน 3 รางวัล ได้แก่
       1. นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
       2. นายณัฐวุฒิ ทวีเกื้อกูลกิจ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก
       3. นายอานนท์  ทวีเกื้อกูลกิจ นายกเทศมนตรีเมืองตาก


ผู้สนับสนุนกีฬายอดเยี่ยม  จำนวน 4 รางวัล ได้แก่
        1.  นายชรินทร์        หาญสืบสาย          สมาชิกวุฒิสภาจังหวัดตาก
        2.   นายแพทย์วิชัย   วนดุรงค์วรรณ      ประธานบริหารโรงพยาบาลวิชัยเวช
        3.   นายชัยยุทธ        เสนีย์ตันติกุล        อดีตประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดตาก
        4.  นายกฤษณะ       พุ่มสนธิ์                 ที่ปรึกษา สมาคมกีฬาจังหวัดตาก

บุคลากรทางกีฬาดีเด่น จำนวน 5 รางวัล ได้แก่
        1.  นายประเสริฐ     อินทับ                   อุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดตาก
        2. นางพรรณทิพย์   ไชยชนะ                ปฎิคม สมาคมกีฬาจังหวัดตาก
        3..นายราเชนทร์      สุวรรณโชคสกุล    เหรัญญิก สมาคมกีฬาจังหวัดตาก
        4.. นายฟรีอี             เละเซ็น                 รองเลขาธิการสมาคมกีฬาจังหวัดตาก
        5..  นายฉัตรชัย        คำไคร้                  ฉัตรชัยฟาร์ม


ทั้งนี้ ในปี 2556 จังหวัดตาก ศูนย์การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)  สำนักงานตาก สมาคมกีฬาจังหวัดตาก และองค์กรปกครองท้องถิ่น รับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 41 รอบคัดเลือก “ทีลอซูเกมส์” ในราวเดือนพฤศจิกายน 2556  ณ สนามกีฬากลางจังหวัดตาก ตำบลน้ำรึม อำเภอเมือง จังหวัดตาก

ที่มา : ปิงเมยตาก

วันพุธที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2555

>> สมาคมกีฬาจังหวัดตากจัดการแข่งขันกีฬา ในงานตากสินฯ

สมาคมกีฬาจังหวัดตาก จับมือกับจังหวัดตาก และองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก จัดการแข่งขันกีฬา ในงานตากสินมหาราชานุสรณ์และงานกาชาดจังหวัดตาก ประจำปี 2555-2556

นายอำนาจ นันทหาร นายกสมาคมกีฬาจังหวัดตาก  แถลงข่าวว่า ระหว่างวันที่ 26 ธันวาคม 2555- 3 มกราคม 2556 ที่สนามกีฬาเทศบาลเมืองตาก อ.เมือง จ.ตาก สมาคมกีฬาจังหวัดตาก โดยการสนับสนุนจากผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดตาก จะจัดการแข่งขันกีฬา 3 ประเภทชนิดกีฬา เซปักตะกร้อ ฟุตบอล และฟุตซอล เยาวชน ประชาชนทั่วไป และผู้สูงอายุ เพื่อส่งเสริมและพัฒนากีฬา ส่งเสริมกีฬาเพื่อสุขภาพ และคัดเลือกนักกีฬาตัวแทนจังหวัดตาก เพื่อเป็นตัวแทนจังหวัดตาก เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ และกีฬาแห่งชาติ และกีฬาอาชีพ ในรายการต่าง ๆ ที่การกีฬาแห่งประเทศไทย และภาคเอกชนจัดขึ้นทั่วไปในแต่ละปี และที่สำคัญจะเป็นการคัดเลือกนักกีฬาตัวแทนจังหวัดตาก ในประเภทต่าง ๆ ที่จังหวัดตากจะรับเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ รอบคัดเลือกภาค 5 ใน 15 จังหวัดภาคเหนือ ในปลายปี 2556

นายอำนาจ กล่าวว่า กีฬาที่จัดขึ้นในงานตากสินมหาราชานุสรณ์และงานกาชาดจังหวัดตากในปีนี้ จัดการแข่งขันร่วม 3 ประเภท มีกีฬาเซปักตะกร้อชาย-หญิง 6 ประเภทด้วยกัน
   1. ทีมเดี่ยว ประชาชนทั่วไปชาย
   2. ทีมเดี่ยว ประชาชนทั่วไปหญิง
   3. ประเภททีมเดี่ยวโอเพ่น เยาวชนชาย อายุไม่เกิน 18 ปี
   4. ประเภททีมเดี่ยว เยาวชนชาย  (จำกัดฝีมือ)
มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดตาก อายุไมเกิน 15 ปี 5.ประเภททีมเดี่ยว (จำกัดฝีมือ) มีภูมิลำเนาอยู่ในจังหวัดตาก อายุไม่เกิน 13 ปี และ 6 ประเภททีมเดี่ยวชาย อายุ 40 ปีขึ้นไป

ส่วนกีฬาฟุตบอล 7 คน มีการแข่งขัน 2 ประเภท
   1. เยาวชนชาย อายุ ไม่เกิน 18 ปี และ
   2. ประชาชนโอเพ่นทั่วไป กีฬาฟุตซอล มี 2 ประเภท เยาวชนอายุ ไม่เกิน 18 ปี และโอเพ่นผู้สูงอายุ 40 ปีขึ้นไป สมัครเข้าร่วมการแข่งขันได้ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 21 ธันวาคม ที่สมาคมกีฬาจังหวัดตาก ศูนย์ กกท.สำนักงานตาก สนามกีฬากลางจังหวัดตาก ต.น้ำรึม อ.เมือง จ.ตาก

ผู้ชนะเลิศในทุกประเภทกีฬา รับถ้วยรางวัลเกียรติยศและเงินรางวัล ชนะเลิศถ้วยรางวัลเกียรติยศ นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก รองชนะเลิศอันดับ 1 นายณัฐวุฒิ     ทวีเกื้อกูลกิจ นายก อบจ.ตาก รองชนะเลิศอันดับ 2 นายอำนาจ นันทหาร นายกสมาคมกีฬาจังหวัดตาก และรองชนะเลิศอันดับ 3 นายอานนท์ ทวีเกื้อกูลกิจ นายกเทศมนตรีเมืองตาก หรือนายชูชาติ ชื่นมงคลสกุล อุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดตาก และประธานฝ่ายกีฬาตะกร้อ หรือ ดร.สรรพสิริ อรชัยพันธ์ลาภ อุปนายกสมาคมกีฬาจังหวัดตาก และประธานฝ่ายกีฬาฟุตบอล  จึงขอเรียนเชิญชาวตาก ไปร่วมเชียร์และให้กำลังใจกับนักกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันในวันและเวลาดังกล่าวข้างต้น โดยพร้อมเพรียงกัน.


ที่มา : ปิงเมย


วันอาทิตย์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2555

>> ปิดฉากยุคค่าแรงถูก อาเซียนถึงเวลารัฐ-เอกชน เร่งปรับตัว


ปิดฉากยุคค่าแรงถูก อาเซียนถึงเวลารัฐ-เอกชน เร่งปรับตัว
ในปี 2556 นอกเหนือจากการที่แรงงานไทยทั่วประเทศอีกกว่า 70 จังหวัดจะได้รับของขวัญปีใหม่จากรัฐบาล

ด้วยการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน หลังจากที่มีการปรับเพิ่มให้กับ 7 จังหวัดนำร่องไปก่อนหน้านี้แล้วในต้นปีที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าแนวโน้มการขึ้นค่าแรงดังกล่าวจะไม่ได้มีแต่ในเฉพาะแค่ในไทยเสียแล้ว เพราะหากสังเกตให้ดีจะพบว่าประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันต่างก็อินเทรนด์ไปกับกระแสการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำด้วยเช่นกัน

ไล่ไปตั้งแต่ รัฐบาลมาเลเซียเตรียมจะประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในปีหน้า ขณะที่เวียดนามก็ประกาศให้ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำแก่บริษัทเอกชนอีก 2530% และล่าสุดเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ก็ได้ประกาศขึ้นค่าแรงขั้นต่ำถึง 44% ไปอยู่ที่ 230 เหรียญสหรัฐต่อเดือน (ราว 6,900 บาท) ในปีหน้าและมีแนวโน้มว่าเมืองอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นตามมาในอีกไม่ช้านี้

ไม่เว้นแม้แต่พม่าเอง ก็มีแววว่าเตรียมที่จะออกกฎหมายกำหนดค่าแรงขั้นต่ำในอีกไม่ช้านี้ด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งปัจจุบันมีรายงานข่าวว่ารัฐบาลกำลังพิจารณากฎเกณฑ์และรายละเอียดปลีกย่อยอยู่

สะท้อนภาพชัดว่า ยุคสมัยแห่งการใช้แรงงานราคาถูก ต้นทุนต่ำ ซึ่งเคยใช้เป็นโมเดลในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศมาตลอดหลายปี ได้เดินทางมาถึงจุดจบแล้ว

ทั้งนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าแนวโน้มดังกล่าวได้สร้างความหนักใจและความกังวลให้กับหลายฝ่าย โดยเฉพาะบรรดาผู้ประกอบการอยู่ไม่น้อย เพราะการขึ้นค่าแรงอย่างรวดเร็วย่อมทำให้ต้นทุนการผลิตสินค้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะกลุ่มบรรดาผู้ประกอบการเอกชนขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) ที่มีทุนไม่มาก ซึ่งต่างโอดครวญเป็นเสียงเดียวกันว่าจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และบางรายถึงกับขู่ว่าอาจถึงขั้นปลดคนงาน และต้องเลิกล้มกิจการไป

สังเกตได้จากการที่บรรดาผู้ประกอบการเอกชนท้องถิ่นในอินโดนีเซีย รวมกุล่มกันกดดันทางการจาการ์ตาในการงดเว้นการบังคับใช้กฎหมายการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำกับบริษัทที่ยังไม่พร้อม ขณะที่ฝ่ายนายจ้างในไทยและมาเลเซีย ก็ร้องขอเวลาในการปรับตัวกับการที่ต้องทำตามข้อกำหนดการเพิ่มค่าแรงมากขึ้น

ไม่เพียงเท่านั้น ยังเกิดความกังวลอีกว่าการเพิ่มค่าแรงอย่างรวดเร็วอาจทำให้สินค้าและข้าวของแพงขึ้น จนส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ที่อยู่ในภาวะย่ำแย่อยู่แล้ว ให้ยิ่งเลวร้ายลงไปอีก อาทิ เวียดนาม ซึ่งในเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นถึง 7.08% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ส่วน สิงคโปร์ เมื่อเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนด้วยเช่นกัน

ขณะเดียวกัน ก็มีความกังวลอีกว่าต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจากการขึ้นค่าแรงก็อาจจะส่งผลเสียทำให้ภูมิภาคอาเซียนไม่เป็นที่ดึงดูดของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุน และอาจหันไปหาที่อื่นๆ ที่มีต้นทุนถูกกว่า เพื่อใช้ในการลงทุนแทนอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความกังวลต่อการขึ้นค่าแรงเป็นจำนวนมาก แต่หากพินิจพิเคราะห์ถึงการปรับเพิ่มค่าแรงในอาเซียนจะพบว่า แนวโน้มดังกล่าวนี้ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้เลย

เนื่องจากถ้าหากรัฐบาลไม่ดำเนินการ ในไม่ช้าก็จะถูกประชาชนและผู้ใช้แรงงานในประเทศรุมกดดันให้ต้องดำเนินการอยู่ดี เพราะอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ราคข้าวของต่างๆ ในชีวิตประจำวันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เงินในกระเป๋ากลับมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของประเด็นการหาคะแนนนิยมทางการเมืองจากผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ในประเทศเข้ามาเกี่ยวข้องอีกด้วย

กล่าวให้ชัดก็คือ เป็นสิ่งที่ขัดแย้งกับภาพการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาคที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่ความเป็นอยู่ของประชาชนกลับไม่ดีขึ้นเลย

เห็นได้จากการที่คนขับรถตู้ชาวจีนในสิงคโปร์ที่ได้ก่อเหตุประท้วงรัฐบาลสิงคโปร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีให้เห็นบ่อยนัก เนื่องจากคนงานเหล่านี้ไม่พอใจต่อค่าแรงที่ได้รับ สวัสดิการ สภาพความเป็นอยู่ต่างๆ ที่รู้สึกว่าแย่เกินกว่าที่สมควรจะได้รับ โดยเฉพาะนับตั้งแต่ที่รัฐบาลได้ออกมาตรการเข้มงวดกับบริษัทที่จ้างชาวต่างชาติ โดยมีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้บริษัทต่างๆ หันมาจ้างและเพิ่มค่าแรงคนงานในประเทศมากขึ้น

ขณะที่เมื่อกลางสัปดาห์ คนงานในกรุงจาการ์ตาก็รวมตัวกันประท้วงและเรียกร้องให้รัฐบาลหันมาให้การดูแลสวัสดิการคนงาน รวมถึงให้การขึ้นค่าแรงเป็นไปตามที่เคยให้สัญญาไว้

เหตุผลประการต่อมา ก็เป็นผลมาจากแรงกดดันจากปัจจัยภายนอกอย่างภาวะเศรษฐกิจของประเทศยักษ์ใหญ่อย่าง สหรัฐ ยุโรป และจีน ที่ซบเซาในระยะ 45 ปีที่ผ่านมา จนส่งผลกระทบอย่างหนักต่อประเทศที่ใช้โมเดลการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มุ่งพึ่งพาการส่งออกมากจนเกินไป โดยเฉพาะไทยและมาเลเซีย ด้วยเหตุนี้ประเทศต่างๆ ในเอเชียจึงหันมาทบทวนแนวทางใหม่ด้วยการสร้างฐานการบริโภคและการซื้อขายจากตลาดภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในวิธีที่สำคัญก็คือการเพิ่มอำนาจการซื้อให้กับประชาชนในประเทศเป็นอันดับแรก

นอกจากนี้ หากมองในอีกมุมหนึ่ง การขึ้นค่าแรงครั้งนี้ก็ไม่ได้สร้างผลเสียต่อการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติอย่างที่คิดกันไว้ โดยเฉพาะการมีรายได้ที่มากขึ้นของประชาชนจะกลายเป็นแรงดึงดูดชั้นดีเสียด้วยซ้ำ เนื่องจากในมุมมองนักลงทุนต่างชาติขณะนี้ไม่ได้สนใจเฉพาะแค่การลงทุนโดยอาศัยประโยชน์จากแรงงานต้นทุนต่ำอย่างเดียวแล้ว แต่ยังได้มองไปถึงการเข้าถึงตลาดฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ของภูมิภาคอีกด้วย

ดังนั้น การเพิ่มอำนาจการซื้อและการบริโภคของประชาชนจึงเปรียบดั่งเป็นโอกาสทองของนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาค้าขายในภูมิภาคนี้ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดตะวันตกกำลังอยู่ในช่วงซบเซาและถดถอยอย่างหนัก เห็นได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่จากตะวันตกที่มีแผนเตรียมเพิ่มการลงทุนในเอเชียและอาเซียนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ฟอร์ด จีเอ็ม หรือแม้แต่ ไฮเนเก้น ที่เข้ามาซื้อหุ้นบริษัท เอเชีย แปซิฟิก บริวเวอรี่ (เอพีบี) ผู้ผลิตเบียร์ไทเกอร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รายใหญ่ในอาเซียน จากเอฟแอนด์เอ็น โดยแข่งกับ ไทยเบฟ ของไทยอย่างดุเดือดช่วงกลางปีที่ผ่านมา สะท้อนถึงความสำคัญของภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี

“การขึ้นค่าแรงจะนำไปสู่การดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะในภาคการบริโภค เห็นได้จากยอดการลงทุนโดยตรง (เอฟดีไอ) ในอินโดนีเซียในปีนี้ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะว่านักลงทุนไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องค่าแรงราคาถูกแล้ว แต่ได้มองข้ามไปยังเรื่องการเข้าถึงตลาดผู้บริโภคขนาดใหญ่กว่า 240 ล้านแล้ว” ซูเซียนลิม นักเศรษฐศาสตร์อาเซียน ของธนาคารเอชเอสบีซี กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี เมื่อวันอังคารที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา

ผู้เชี่ยวชาญด้านอาเซียน ยังได้แสดงความเห็นคัดค้านต่อความคิดที่ว่าการมีค่าแรงที่เพิ่มขึ้นจะทำให้นักลงทุนหนีไปลงทุนที่อื่น โดยระบุว่า แม้ว่าอาเซียนจะขึ้นค่าแรง แต่โดยรวมเมื่อเทียบค่าแรงกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย อย่างเช่นแถบเมืองชายฝั่งตะวันออกของจีน จะพบว่าค่าแรงอาเซียนยังถูกกว่ามาก เห็นได้จากข้อมูลของธนาคารซิตี้แบงก์ที่ระบุว่าค่าตอบแทนโดยเฉลี่ยในกรุงจาการ์ตาต่ำกว่าเมืองแถบชายฝั่งตะวันออกของจีนถึง 60%

สอดคล้องกับความเห็นของ เหว่ยจางกิต นักเศรษฐศาสตร์อาเซียนจากธนาคารซิตี้แบงก์ที่ระบุว่า นอกเหนือจากค่าแรงที่อาเซียนถูกกว่าจีนแล้ว ภูมิภาคอาเซียนยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่น่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนอยู่อีกมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าที่ดิน ค่าไฟ รวมถึงปัจจัยการผลิตอื่นๆ ที่ถูกกว่า จึงกล่าวได้ว่าเมื่อเทียบปอนด์ต่อปอนด์แล้ว อาเซียนน่าสนใจกว่าจีนหลายช่วงตัว โดยเฉพาะต้นทุนที่นอกเหนือจากค่าแรงที่เหนือกว่ากันมาก

ถึงกระนั้น แม้ว่าการขึ้นค่าแรงจะส่งผลและเป็นสิ่งที่ประเทศต่างๆ ในย่านอาเซียนไม่สามารถจะหลีกหนีความจริงนี้ได้แล้ว

แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐบาลและภาคเอกชนควรคิดต่อไปให้ดีก็คือ จะทำเช่นไรให้การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำครั้งนี้ก่อให้เกิดประโยชน์กับเศรษฐกิจและความก้าวหน้าของประเทศให้มากที่สุด โดยเฉพาะการที่รัฐบาลจะต้องเสริมศักยภาพและความสามารถของแรงงานให้ควบคู่ไปกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น ซึ่งในขณะเดียวกันภาคเอกชนก็จะต้องมองประโยชน์ที่จะได้ในระยะยาว ไม่ใช่มองแค่ว่าเป็นเพียงการทำให้ต้นทุนเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น

ที่มา : Post Today. Last update : 12/7/2012 2:03:27 PM