1.การแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ภายใต้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาตินั้น นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ จะแต่งตั้ง “ผู้ทรงคุณวุฒิ” 5 คน จากผู้มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ในการทำประโยชน์เพื่อสังคม ผู้มีความรู้ ผู้มีประสบการณ์ในการส่งเสริมโอกาส การคุ้มครองสตรีและความเสมอภาคระหว่างเพศ
2.การแต่งตั้งที่ปรึกษาภายใต้คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ จะแต่งตั้ง “ที่ปรึกษา” จากผู้มีความรู้ ผู้มีประสบการณ์ในการส่งเสริมโอกาส การคุ้มครองสตรีและความเสมอภาคระหว่างเพศ
3.การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุน คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ จะแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนที่กำหนดจำนวน ไม่เกิน 10 คน ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยเรื่องกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2555 ข้อ 20 จำนวน 5 คน จากบัญชีรายชื่อเสนอชื่อที่เครือข่ายองค์กรสตรีสตรีภาคประชาชน เสนอ
4.เมื่อประกาศรายชื่อ “คณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีแห่งชาติ” แล้ว จะมีการดำเนินการแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ.2555 โดยให้มีการจัดตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาประเด็นต่างๆ เช่น 1.ยกเลิกการรับสมาชิกและให้เป็น “กองทุนเปิด” ที่ผู้หญิงสามารถเข้าถึงการใช้สิทธิในกองทุนได้ทั่วถึงเท่าเทียมกัน 2.แก้ไขคุณสมบัติของผู้ที่สามารถ ขอรับสิทธิจากกองทุน
3.ทบทวนวัตถุประสงค์ของการใช้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี 4 ข้อ คือ 1) เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดกิจกรรมในการพัฒนาบทบาทสตรี 2) เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการพัฒนาศักยภาพสตรีและเครือข่ายสตรี 3) เป็นแหล่งเงินทุนเพื่อการสนับสนุนโครงการ ในการแก้ปัญหาและพัฒนาสตรี 4) เป็นแหล่งเงินทุนหมุนเวียนดอกเบี้ยต่ำ หรือปลอดดอกเบี้ย ในการสร้างโอกาสให้สตรีเข้าถึงแหล่งเงินทุน
5.ทบทวนแก้ไขระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี พ.ศ. 2555 ข้อ 37, 38, 39 และ 40 ให้สามารถดำเนินการสอดคล้องกับดำเนินกิจกรรม เพื่อการพัฒนาบทบาทสตรี
นอกจากนี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวเชิญชวนประชาชนร่วมในพิธีโอนเงินอย่างเป็นทางการ โดยมีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ณ อิมแพค เมืองทองธานี