วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

>> เวียดนามเริ่มลงมือก่อสร้างศูนย์อวกาศแห่งชาติ ใกล้กับกรุงฮานอยแล้ว

เวียดนามเริ่มลงมือก่อสร้างศูนย์อวกาศแห่งชาติ ใกล้กับกรุงฮานอยแล้ววานนี้ (19 ก.ย.)

ศูนย์อวกาศแห่งชาติเวียดนาม ตั้งอยู่ที่ฮัวลัก ไฮเทค พาร์ค ใกล้กรุงฮานอย ในพื้นที่ 9 เฮคตาร์ โดยจะเป็นความร่วมมือระหว่างเวียดนามและญี่ปุ่นโดยมีมูลค่าการก่อสร้างทั้งสิ้นราว 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2018

เมื่อวานนี้ ได้มีพิธีเปิดโครงการก่อสร้างศูนย์อวกาศแห่งชาติในกรุงฮานอยของเวียดนาม นายชอ วาน มินห์ ประธานศูนย์การศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนาม ซึ่งรับผิดชอบโครงการศูนย์อวกาศ กล่าวว่าโครงการดังกล่าว นับเป็นหลักชัยในการพัฒนาประเทศและกล่าวขอบคุณญี่ปุ่นที่ให้การช่วยเหลือ

เวียดนามมีแผนจะใช้โครงการด้านอวกาศ เพื่อส่งดาวเทียมสำรวจสภาพอากาศ ซึ่งจะเป็นดาวเทียมดวงแรกของประเทศ โดยดาวเทียมดังกล่าวญี่ปุ่นจะเป็นผู้ผลิต มีกำหนดจะปล่อยขึ้นสู่วงโคจรในปี 2017  ส่วนดาวเทียมดวงที่ 2 ทีมวิศวกรของเวียดนามที่กำลังฝึกอบรมอยู่ในญี่ปุ่นจะเป็นผู้ผลิตขึ้นเอง ทั้งนี้ เวียดนามซึ่งมีชายฝั่งทะเลเป็นแนวยาว จึงมักประสบภัยพายุและภัยพิบัติอื่นๆ เป็นประจำ แต่ยังไม่มีดาวเทียมตรวจสอบสภาพอากาศไว้ใช้งาน

ทั้งนี้ หากการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ เวียดนามจะถือเป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเพียบพร้อมด้านเทคโนโลยีอวกาศมากที่สุด

ที่มา : มติชน

แต่ประเทศไทย.....มีแต่คน "พูด" รักชาติ รักประชาชน เต็มไปหมด...จนตัวเองเจริญก้าวหน้า.....

>> ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึงมาหาความหมาย......ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว…

จริง ๆ แล้วกลอน 4 วรรคนี้เป็นเพียงบทหนึ่ง ของบทกลอนขนาดยาว 7 บท ที่มีเนื้อหาเต็มดังต่อไปนี้ คือ

เพลงเถื่อนแห่งสถาบัน

ดอกหาง นกยูง สีแดงฉาน
บานอยู่เต็มฟากสวรรค์ 
คนเดินผ่าน ไปมากัน 
เขาด้นดั้น หาสิ่งใด

ปัญญา มีขาย ที่นี่หรือ
จะแย่งซื้อ ได้ที่ไหน 
อย่างที่โก้ หรูหรา ราคาเท่าใด
จะให้พ่อ ขายนา มาแลกเอา 

ฉันมา ฉันเห็น ฉันแพ้
ยินแต่ เสียงด่า ว่าโง่เง่า 
เพลงที่นี่ ไม่หวาน เหมือนบ้านเรา
ใครไม่เข้า ถึงพอ เขาเยาะเย้ย 

นี่จะให้ อะไร กันบ้างไหม 
มหาวิทยาลัย ใหญ่โตเหวย 
แม้นท่าน มิอาจให้ อะไรเลย 
วานนิ่งเฉย อย่าบ่นอย่าโวยวาย 

ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย 
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย 
สุดท้ายให้กระดาษฉันแผ่นเดียว 

มืดจริงหนอ สถาบัน อันกว้างขวาง 
ปล่อยฉัน อ้างว้าง ขับเคี่ยว 
เดินหา ซื้อปัญญา จนหน้าเซียว 
เทียวมา เทียวไป ไม่รู้วัน 

ดอกหางนกยูง สีแดงฉาน 
บานอยู่เต็ม ฟากสวรรค์ 
เกินพอ ให้เจ้าแบ่งปัน 
จงเก็บกัน อย่าเดิน ผ่านเลยไป

ตีพิมพ์ครั้งแรกในนังสือพิมพ์ยูงทอง 27 มิถุนายน พ.ศ. 2511

>> เขื่อนภูมิพลยังรับได้อีก 5,800 ล้าน ลบ.ม.

กรมชลฯ เผย น้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล มีน้ำเกินครึ่งอ่างแล้ว แต่สามารถรองรับได้อีก 5,800 ล้านลูกบาศก์เมตร
Posted Image


ศูนย์ ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ในภาคเหนือ ยังสามารถรองรับน้ำในช่วงฤดูฝนนี้ได้อีกกว่า 9,000 ล้านลูกบาศก์เมตร อาทิ

เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 7,646 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 5,800 ล้านลูกบาศก์เมตร

เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 6,128 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 64 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 3,000 ล้านลูกบาศก์เมตร

เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 152 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 57 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 100 ล้านลูกบาศก์เมตร

เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 80 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 20 ล้านลูกบาศก์เมตร

 และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 590 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่าง สามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 300 ล้านลูกบาศก์เมตร

แนวโน้มสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ส่วนใหญ่จะมีน้ำไหลลงอ่างมากขึ้น



วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

>> มาเลเซีย กับการก้าวข้าม “กับดักรายได้ปานกลาง” ก่อนพี่ไทย

ในปัจจุบันมีการพูดถึงสภาวะ “กับดักของประเทศรายได้ปานกลาง” (Middle Income Trap) กันอย่างกว้างขวาง กล่าวอย่างสั้นก็คือ เป็นสภาวะที่ประเทศยากจนได้พัฒนาเศรษฐกิจไปสู่การเป็นประเทศที่มีฐานะปานกลาง แต่ไม่สามมารถก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีฐานะ “ร่ำรวย” ได้ (High Income Country) เสมือนติดอยู่ในกับดักรายได้ปานกลาง

นักคิดจำนวนมากพยายามค้นหาวิธีการออกจาก “กับดัก” นี้ และให้ข้อเสนอว่า เงื่อนไขสำคัญในการออกจาก “กับดัก” นี้นั้น ภาคธุรกิจต้องมีผลิตภาพการผลิตที่สูง (High Productivity) และมีนวัตกรรมในการผลิต ขณะเดียวกัน ต้องสร้างตลาดภายในให้เข้มแข็ง โดยทำให้ประชาชนส่วนใหญ่มีความสามารถพอที่จะซื้อสินค้าที่มีคุณภาพสูงได้ เงื่อนไขพื้นฐานเหล่านี้เป็นกุญแจเปิดไปสู่การเป็นประเทศ “ร่ำรวย”

มีประเทศในเอเชียหลายประเทศสามารถไปบรรลุเงื่อนไขพื้นฐานและหลุดออกจาก “กับดัก” อันนี้ไปได้ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ แต่ในกรณีของอาเซียนหลายประเทศยังติดอยู่ในกับดักนี้ เช่น ประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย

ในสถานการณ์ที่หลายๆ ประเทศในอาเซียนกำลังดิ้นรนออกจาก “กับดัก” ของประเทศรายได้ปานกลาง ไปเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ผมคิดว่า ประเทศที่ดูจะมีโอกาสมากที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ประเทศไทย แต่เป็น ประเทศมาเลเซีย

ภาพจาก wikipedia

รัฐบาลมาเลเซียตั้งใจจะออกจากกับดักนี้ โดยได้ประกาศแผนปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหญ่ (Economic Transformation Program) ในปลายปี 2010 หนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของการปฏิรูปครั้งนี้คือ จะก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง และต้องทำให้รายได้ประชาชาติต่อคนต่อปีที่ของคนมาเลเซียสูงกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2020

ปัจจุบันขนาดเศรษฐกิจของมาเลเซียมาอยู่ที่ประมาณ 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแม้จะเล็กกว่าขนาดเศรษฐกิจไทย แต่มาเลเซียมีประชากรเพียง 28 ล้านคน และเมื่อคำนวณจากรายได้ประชาชาติต่อคนต่อปีพบว่า รายได้ประชาชาติต่อคนต่อปีของมาเลเซียอยู่ที่ประมาณ 9,000 ดอลลาร์สหรัฐ ของไทยเราอยู่ที่เพียงประมาณ 5,200 ดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้น ตลอดทศวรรษนี้เศรษฐกิจของมาเลเซียจะต้องเติบโตที่ 6% ต่อปี จึงจะบรรลุเป้าหมายได้

การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของมาเลเซียในการไปสู่เป้าหมายครั้งนี้ สรุปย่อคือ การเลือกให้การสนับสนุนด้านต่างๆ แก่อุตสาหกรรมที่สำคัญต่อการพัฒนาประเทศมาเลเซีย และอุตสาหกรรมที่มีความสามารถทางการแข่งขัน เช่น อุตสาหกรรมพลังงาน ปาล์มน้ำมัน บริการทางการเงิน การท่องเที่ยว บริการสำหรับธุรกิจ และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับโทรคมนาคม เป็นต้น โดยที่การปฏิรูปครั้งนี้จะเกิดบนพื้นฐานของการส่งเสริมการเปิดเสรีและเพิ่มการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นขึ้น (Economic Liberalization)

เห็นได้ว่า ไม่มีการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ผลิตของราคาถูกและใช้แรงงานราคาถูก อุตสาหกรรมที่ถูกส่งเสริมจะเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยี นวัตกรรม และการจัดการสมัยใหม่ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้สูงมาก

และเพื่อรองรับการปฏิรูปเศรษฐกิจ มาเลเซียยังได้เร่งลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเพิ่มมากขึ้น โดยเป็นประเทศที่ลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนาสูงเป็นอันดับที่สองของอาเซียน เมื่อเทียบกับขนาดของเศรษฐกิจ แน่นอนว่าอันดับที่หนึ่งคือสิงคโปร์

ผลจากการมีการลงมือปฏิรูปเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ทั้งยังได้ออกกฎหมายใหม่เพิ่มเพื่อรองรับการแข่งขันที่เสรี ด้วยเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น บรรยากาศการลงทุนของมาเลเซียเป็นไปด้วยคึกคัก สังเกตได้จาก แม้ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจมาเลเซียจะได้รับผลกระทบจากปัญหาเศรษฐกิจยุโรป เศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐ รวมทั้งการสะดุดของระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) จากแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นและน้ำท่วมในไทย แต่การลงทุนภาคเอกชนของมาเลเซียยังเพิ่มขึ้นถึง 10.2%

ที่สำคัญเศรษฐกิจมาเลเซียเติบโตได้ถึง 7% ในปี 2010 และเติบโต 5.1% ในปี 2011 ซึ่งยังอยู่ในเป้าหมายของรัฐบาลมาเลเซียที่ต้องการให้เศรษฐกิจโต 6% ต่อปี

มากไปกว่านั้น การจัดอันดับความสะดวกในการเข้าไปดำเนินธุรกิจของแต่ละประเทศโดยธนาคารโลก ซึ่งวัดจากตัวชี้วัดด้านการประกอบธุรกิจ 10 ตัว เช่น การหาสินเชื่อในการลงทุน ระบบการชำระภาษี การคุ้มครองนักลงทุน พบว่าอันดับของมาเลเซียปรับตัวดีขึ้นจากที่ 23 ในปี 2010 มาเป็นอันดับที่ 18 ในปี 2011

ขณะที่การสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อประเทศต่างๆ โดย บริษัท เอที เคอร์นี่ ในปี 2012 พบว่า มาเลเซียได้รับคะแนนสูงเป็นอันดับที่ 10 ขณะที่ประเทศไทยอยู่อันดับที่ 16

และจากรายงานความสามารถทางการแข่งขันของ 142 ประเทศ โดย ดับเบิลยูอีเอฟ (World Economic Forum) เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียนด้วยกัน ประเทศมาเลเซียมีระดับความสามารถทางการแข่งขันสูงเป็นอันดับที่สองของอาเซียน เป็นรองเฉพาะสิงคโปร์ และมีอันดับที่ดีกว่ากว่าไทยถึงกว่า 10 อันดับ

โดยสรุป การปฏิรูปเศรษฐกิจของมาเลเซียครั้งนี้ ทำขึ้นบนฐานการศึกษาและรับฟังความเห็นอย่างกว้างขวาง โดยการริเริ่มของภาครัฐ และความร่วมมือของภาคเอกชนและประชาชนมาเลเซีย เหนือสิ่งอื่นใด มีการดำเนินการปฏิรูปอย่างจริงจัง ผลระยะสั้นที่ปรากฎออกมาถือว่าดีมาก ดังนั้น โอกาสที่มาเลเซียจะบรรลุเป้าหมายของการปฏิรูปจึงมีความเป็นไปได้สูง

หลังจากได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1957 เพียง 55 ปี แห่งการพัฒนา เศรษฐกิจของมาเลเซียได้เดินแซงหน้าเศรษฐกิจไทยไปมากแล้ว และกำลังจะก้าวไปสู่การเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในอนาคตอันใกล้ ผมหวังว่า เมื่อได้เห็นความสำเร็จของมาเลเซียเช่นนี้ คงเป็นแรงกระตุ้นให้คนไทยเราตื่นตัวเพิ่มมากขึ้นบ้าง

ที่มา : วันวลิต ธารไทรทอง, สถาบันระหว่างประเทศและการพัฒนา ITD
ชื่อบทความเดิม “มาเลเซีย โอกาสหลุดจากกับดักรายได้ปานกลางก่อนไทย”
http://www.siamintelligence.com/chance-of-malaysia-to-escape-from-middle-income-trap-before-thai/

>> สกก.บ้านตากจัดอบรมสมาชิกตามโครงการฟิ้นฟูอาชีพหลังน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 18 ก.ย.55 ที่ห้องประชุม "ขุนศรี" สหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด อ.บ้านตาก จ.ตาก ได้จัดอบรมสมาชิกสหกรณ์ตามโครงการฟิ้นฟูอาชีพสมาชิกสหกรณ์ผู้ประสบภัยธรรมชาติ (น้ำท่วม) ในการอบรมครั้งนี้มีสมาชิกเข้าร่วมอบรม จำนวน 245 คน

 งานนี้สมาชิกสามารถกู้เงินปลอดดอกเบี้ยเพื่อซื้อวัสดุการเกษตร

 ภายในห้องประชุม "ขุนศรี"
ทุกขั้นตอนการปฏิบัติจะถูกกำหนดไว้อย่างครบถ้วน

หน้าห้องประชุม "ขุนศรี" บนชั้นสองของสหกรณ์

 ชสท.มาร่วมชี้แจงงานของ ชสท. มาทุกงาน

 ชสท.ชี้แจงสินค้าของ บ.ทีเจซี "ตราพระอาทิตย์" มาช่วยกันทำตลาด....
ใครซื้อสินค้าตราพระอาทิตย์มีเสื้อแจกทุกคน....

 สินค้าตัวอย่างจาก "ปูแดง"

 มีสินค้าตัวอย่าง แจกฟรีทุกงาน

 สินค้าอุปโภคบริโภคจากสหกรณ์การเกษตรเมืองตาก.....มาทุกงาน

 ผจก.แป๊ะ "นคร  สงวนสุข" ในฐานะกรรมการชมรมสหกรณ์ฯ ต้องมาเอง

 ไข่ไก่จาก สกก.เมืองตาก
สินค้าบางส่วนจะทิ้งไว้ให้ สกก.บ้านตาก ขายต่อไป


ด้านหลังก สกก.บ้านตาก กำลังต่อเติม ปรับปรุง

>> ธ.ก.ส.พิจิตร ประสานสานงานบ้านตากเพื่อศึกษาดูงาน


เมื่อวันที่ 17 ก.ย.55 คณะเจ้าหน้าที่จาก ธ.ก.ส.พิจิตร ได้มาติดต่อประสานงานสหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด เพื่อนำคณะเจ้าหน้าที่ ธ.ก.ส.พิจิตร และสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตร มาเยี่ยมชมศึกษาดูงานสหกรณ์ ในวันที่ 10 ต.ค.55.......ขอต้อนรับด้วยความยินดีครับ........เอ้า ชมรมสหกรณ์ฯ หากใครว่างไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับสหกรณ์ในจังหวัดพิจิตรกันเน้อ.....

วันพฤหัสบดีที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555

>> คมคิดคน...ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล : 6 ปี 19 กันยา 49 “การทำรัฐประหารคือการขู่ให้ลูกเป็นเด็กไม่มีวันโตตลอดไป”

มติชนออนไลน์ วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2555 สัมภาษณ์โดย ฟ้ารุ่ง ศรีขาว

สัปดาห์หน้าจะถึงวันครบรอบ 6 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน  2549 “มติชนออนไลน์” สัมภาษณ์  ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล หรือ หม่อมเต่านา  ถึงความเห็นต่อความเปลี่ยนแปลงกว่าครึ่งทศวรรษ ในฐานะผู้สังเกตการณ์และที่มารอยสัก "นวมทอง" ที่แขนข้างขวา

@ มอง 6 ปี รัฐประหาร อย่างไร

พูดอย่างเลวๆก็คือ มองอย่างสะใจที่ตกลง เราสรุปไว้ถูก เพราะตอนนั้นก็เชื่่อมั่นว่าจะเป็นการกระทำที่ล้มเหลว ทุกอย่างผิดที่ผิดทาง มีผลแค่ปลุกระดมความกลัวและเกลียดชังระหว่างคนในชาติให้เพิ่มขึ้น ผ่านมา 6 ปี รัฐประหารปี 49 มีผลดีอย่างเดียวคือทำให้ประชาชนรากหญ้าที่เดิมไม่ค่อยได้สนใจการเมืองระดับประเทศนัก มีความตื่นตัวอย่างมากในการที่จะรักษาไว้ซึ่งอำนาจ ศักดิ์ศรีและสิทธิของเขาเองอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในประวัติศาสตร์ไทย

@ สาเหตุ ที่สัก “นวมทอง” ไว้ที่แขน เพราะอะไร จึงต้องเป็นคำนี้

ตอนที่เกิดรัฐประหาร คนรอบๆ ตัวเราทุกคนมีแต่ความดีใจ ยินดี ปลาบปลื้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกแปลกแยกมากๆ รู้สึกเหมือนว่าเราเองผิดปรกติอย่างมากที่กลับไม่รู้สึกดีเหมือนคนอื่นๆ ซ้ำร้ายยิ่ง ยิ่งรู้สึกเสียใจ สิ้นหวัง เหมือนโดนกระทืบหัวใจจนแหลกละเอียด ในชีวิตเคยรู้สึกเช่นนี้ 2 ครั้งเท่านั้นคือ ตอนที่คุณแม่ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง กับอีกครั้งคือ เมื่อหลังรัฐประหาร 3 วัน ช่วงนั้นเราไปทำงานอยู่ที่ประเทศสิงค์โปร์

เมื่อกลับมาเพื่อนได้เล่าให้ฟังว่ามีแท็กซี่ใช้สีสเปรย์พ่นตัวถังรถว่า "ไม่เอารัฐประหาร"  แล้วขับรถพุ่งชนรถถังเพื่อเป็นการแสดงออกถึงการประท้วงคณะปฎิวัติ คนขับแท็กซี่รอดชีวิต แต่อาการหนักมาก ต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต่างส่งคนมาเยี่ยม มาบอกเขาว่ารัฐประหารจะทำให้ประเทศไทยดีขึ้น เป็นสิ่งที่เขาในฐานะประชาชนควรจะดีใจ ซึ่งเป็นการปลอบที่ขัดกับความเชื่อ เจตนารมณ์และจุดยืนของเขาอย่าสิ้นเชิง

เมื่อออกจากโรงพยาบาลเขาได้ทราบว่า ข่าวการขับรถชนรถถังของเขาถูกนำไปบิดเบือนความจริง โดยเขียนทำนองว่า คนขับแท็กซี่ขับรถพุ่งชนรถถังเพราะสายตาไม่ดีบ้าง สติไม่ดีบ้าง ทหารผู้ใหญ่ในคณะรัฐประหารบางท่านถึงกับพูดว่า "ไม่มีใครเขายอมตายเพื่อความเชื่อของตัวเองหรอก " ซึ่งก็เป็นการพูดถึงจิตใจคนได้แปลกมาก เพราะนัยว่าการทำรัฐประหาร นั้นคือการที่ผู้ทำรัฐประหารบอกกับประชาชนว่าจะขอพลีชีพเพื่อรักษาไว้ซึ่งสถาบันและประเทศชาติ เป็นการเอาความเชื่อในความดีงาม และอุดมการณ์มาพุ่งชน แบบยอมตายเพื่อจะทำลาย พ.ต.ท. ทักษิณ และคณะ  แต่คนทำรัฐประหารกลับดูถูกน้ำใจประชาชนเอง ดังนั้น พออาการคุณนวมทองดีขึ้นออกจากโรงพยาบาลได้ เขาจึงเขียนจดหมายอธิบายเจตนารมณ์ที่แน่วแน่ของเขาอีกครั้ง แล้วใส่เสื้อสีดำที่มีข้อความต่อต้านรัฐประหาร แล้วไปผูกคอตายอยู่ใต้สะพานลอย

เนื่องจากตัวเราเองพื้นฐานเป็นคนขี้เกียจ รักสบาย ไม่ค่อยสนใจคนอื่นนัก แต่เมื่อได้รับรู้ในความแน่วแน่ในสิ่งที่เขาได้ทำลงไป เรารู้สึก สะอึกและตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เรียกได้ว่า ณ จุดนั้นเขาคือ คนไทยคนแรกที่เราได้เห็นจะๆ ว่ายอมฆ่าตัวตายเพื่อยืนยันในความเชื่อของตนเอง เป็นการกระทำที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน และทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องนี้ให้คนฟัง เพราะตอนนั้นยังไม่มีใครรู้เรื่องนี้มากนัก เพราะรัฐบาลคณะปฎิวัติเหมือนจะพยายามปิดๆข่าว ทุกครั้งที่เราเล่าเรื่องนี้ โดยยังไม่บอกว่าเขาประกอบอาชีพอะไร ทุกคนที่ได้ฟังจะบอกว่า เออ เจ๋งดีหวะคนนี้

แต่แล้วพอเราบอกว่าเขาเป็นคนขับแท็กซี่ คนเหล่านั้นก็จะพูดประมาณว่าคนขับแท็กซี่ก็งี้หละแม่งบ้า อาจกินยาบ้า เมา หรือมีคนจ้างวานให้มาทำ คือกลายเป็นพยายามลบล้างสิ่งที่เขายืนยันกระทำลงไปจนสำเร็จด้วยวิธีการดูแคลนในอาชีพสุจริตที่เขาเป็น ซึ่งยิ่งทำให้เราหดหู่มาก ปีนั้นเราอายุสามสิบหก คือครบสามรอบพอดี เราคิดว่าเราแก่และเห็นทุกอย่างมามากแล้ว แต่เราก็กลับไม่สามารถวางความรู้สึกช้ำใจอันนี้ได้ ในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 49 เราจึงไปสักชื่อของคุณ นวมทอง ไว้ที่แขนขวาของเรา เอาให้ทุกคนเห็นกันจะๆ กันไปเลย เราไม่เคยสักหรือคิดจะสักชื่อใครอะไรมาก่อนเลยในชีวิต แต่เราถือว่าการที่ได้สักชื่อของคนที่มีเกียรติและความกล้า พูดจริงทำได้จริง เช่น คุณนวมทองถือเป็นเกียรติแก่ตัวเรา และคือของขวัญที่ดีที่สุดที่เราจะให้ตัวเองได้ ในปีเกิดครบสามรอบของเราค่ะ


@ ทำไมจึงไม่เชื่อว่า คนขับรถแท็กซี่ ถูก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จ้างมาสร้างสถานการณ์อย่างที่หลายคนเชื่อ ในขณะนั้น

เพราะเขาทำในสิ่งที่เรารู้สึกอยากทำมากๆ แต่ไม่กล้าทำ และต่อให้ พ.ต.ท. ทักษิณ โอนเงินมาให้เราสักหนึ่งพันล้านบาท  เราก็ยังไม่กล้าทำสิ่งที่คุณนวมทองทำอยู่ดี หรือต่อให้เราจนมากๆ ไม่มีเงินหรือสิ่งที่คนชอบเรียกมันว่าต้นทุนทางสังคม เราก็ไม่กล้าฆ่าตัวตายเพื่อเงินอยู่ดี

หลังจากนั้นเราก็ส่งเลขาให้ไปพบกับครอบครัวของคุณนวมทอง ไปให้กำลังใจ และแสดงความคารวะ ได้พูดคุยกับครอบครัวของคุณนวมทอง เราไม่กล้าแม้แต่จะไปเองเพราะไม่อยากจะรู้สึกสะเทือนใจไปมากกว่านี้ การกระทำของคุณนวมทองได้ใจเพื่อนๆ เราหลายคน

บางคนตอนเกิดปฎิวัติยังมึนๆ เฉยๆ นิ่งๆ เซ็งแต่ก็ไม่อยากรู้สึกเหมือนฝืนกระแสสังคม แต่พอคุณนวมทองฆ่าตัวตายอย่างมุ่งมั่น พร้อมทิ้งจดหมายลาตายที่เขียนได้กินใจมากๆ ไว้  คนหลายๆ คน ที่พยายามเก็บความรู้สึกไว้ก็กล้าพูดความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเอง ความไม่พอใจกับการทำรัฐประหารออกมา เรียกได้ว่าความตายของคุณนวมทองคือแรงกระแทกอันแรกที่สำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้เราและเพื่อนหลายๆคนรู้สึกกล้าที่จะยอมรับในความโกรธของตัวเองซึ่งความรู้สึกที่รุนแรงและความรู้สึกที่จริงขนาดนั้นไม่สามารถซื้อหรือปลุกได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียวไม่ว่าคุณจะเป็นคนรวยหรือคนจน

@ ปรากฏการณ์ “ดารุณี กฤตบุญญาลัย” ถูกตั้งคำถามเสียงดังกลางห้างดัง ไม่ว่าจะเข้าใจผิดคิดว่าเป็น “ดารณี ชาญเชิงศิลปกุล” (ดาร์ตอปิโด) หรืออาจจะตั้งใจถามเพราะเห็นว่าเป็นคนเสื้อแดง แต่ข้องใจในประเด็น “รักในหลวง” คุณเต่านา มองเหตุการณ์นี้อย่างไร

สำหรับเรา เราไม่แน่ใจว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่บ่งบอกถึง ความรักในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ อย่างแท้จริงหรือไม่ แต่เราแน่ใจว่าเป็นการกระทำที่บ่งบอกถึงความเกลียดชังและความสับสนอย่างยิ่งกับการต้องมีชีวิตอยู่ด้วยความเกลียดชังนั้นซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้าเพราะมันเป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับสิ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเพียรสอนพวกเรามาในเรื่องการมีสติและการกระทำความดี ขณะที่ ความเกลียดชังอย่างไร้สติ ไม่สามารถเกิดขึ้นจากความรักและนับว่าเป็นการกระทำความดีได้อย่างแน่นอน

@ ข้อความทางเฟซบุค “อย่าโหนเจ้า เพราะ เจ้าก็ต้องพึ่งประชาชนค่ะ” สเตตัสนี้ มองความสัมพันธ์ระหว่างสถาบันต่างๆ กับภาคประชาชนมีความเปลี่ยนแปลงไป หรือไม่

คนไทยชอบคิด และอยากเชื่อว่าใครหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่งมีอำนาจอย่างเด็ดขาดเหนือองค์กรอื่น แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทุกสิ่งอย่างมีความสัมพันธ์ที่จำเป็นต้องพึ่งพิงและให้ความจริงใจกันอยู่ตลอดเวลา พร้อมๆ กับการระมัดระวังตัวไม่ให้ตัวเองเกิดการลุกล้ำล่วงเกินไปในอำนาจหน้าที่คนอื่นทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจจนเกินไปนักเพราะวิธีการใช้กฎหมายกติกาของสังคมไทยเป็นระบบพึ่งพิงแต่ช่วงหลังๆกลับกลายไปเน้นระบบอ้างอิงซะมากกว่า

@ มองเรื่องนี้อย่างไรต่อความเห็นของฝ่ายต่างๆ ที่คิดแตกต่างกันเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 

เรามีความเชื่ออย่างโรแมนติกๆ ในแบบของเราเองว่า วันหนึ่งสถาบันจะเป็นผู้ประกาศยกเลิกกฎหมายอาญา มาตรา 112 นี้ด้วยตนเอง เพราะทุกครั้งที่มีการนำมาตรานี้ไปใช้ เรื่องยิ่งหลุดมือไป สถานการณ์บานปลายออกไป คนที่เสียหายที่สุดก็คือสถาบันเองค่ะ

@ ความกลัวทางการเมือง ที่แต่ละฝ่ายควรเปิดเผยออกมา จะเป็นไปได้แค่ไหน

ในที่สุดจะเป็นไปได้หมด และจะมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดเผยออกมาเพราะภายในอีก 5 ปีประเทศไทยจะเป็นประเทศที่มีประชาชนสองแบบ แบบที่หนึ่งคือพวกที่ไม่สนใจการเมืองมากนัก แค่รู้ไว้ ใช้จับทิศทางในการทำมาหากินให้สำเร็จ เอาเวลาไปมุ่งมั่นตั้งสติทำงาน ทำตัวเองและครอบครัวให้ดีขึ้นเรื่อยๆ   กับ แบบที่สองคือพวกที่ตั้งหน้าตั้งตาปล่อยข่าวลือ จริงบ้าง ไม่จริงบ้างเพื่อทำลายคนอื่นไปๆมาๆ วนเวียนๆ ดังนั้นในที่สุดคนที่รักและเชื่อในความจริง คนที่เชื่อว่าการยอมรับความจริงจะเป็นทางออกของทุกสิ่ง เขาก็จะตั้งหน้าตั้งตาเผยแพร่ความจริง ที่เขาเองเชื่อว่าจริงออกมาสู่มวลชน ก็คงจะมีกันคนละแบบคนละเล่ม แล้วก็คงจะมีการถกเถียง คัดคาน พยายามพิสูจน์ข้อเท็จจริงของแต่ละฝ่ายกันไปเรื่อยๆ ซึ่งถือว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากกับสังคมไทย เพราะความจริงไม่เคยทำร้ายใคร ในขณะที่อคติและข่าวลือ เมื่อถูกนำมาผสมกับความเกลียดกลัวและใจเสีย สามารถฆ่าคนบริสุทธ์ได้ ทั้งทางตรงและทางอ้อม

@ มองว่ารูปแบบการยึดอำนาจด้วยรถถัง กำลังทหาร ยังเป็นตัวเลือกของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอยู่หรือไม่

คงจะมีคนคิดฝันๆ อยู่เรื่อยๆ แต่ในทางปฏิบัติจริงจะเป็นไปได้ยากมากๆ และถ้าหากทำอีกทีหนึ่งก็คงจะได้ล้มล้างกันทุกอย่างเลย ไม่ใช่แค่รัฐบาล

สังคมไทยชอบโทษว่าเป็นเพราะนักการเมืองเลว โกงกิน จึงต้องมีการทำรัฐประหาร เราอยากให้ลองมองย้อนกลับดูสักนิดว่าพอทำเสร็จแล้ว ซึ่งประเทศไทยก็มีรัฐประหารมาไม่รู้จะกี่หนแล้ว ประเทศชาติดีขึ้นจริงหรือ ถ้าหากการทำรัฐประหารเป็นอะไรที่มีผลดีจริงๆ คงไม่ต้องทำบ่อยขนาดนี้กระมัง ??? นักการเมือง คือตัวแทนของประชาชน ถ้าหากจะพูดว่านักการเมืองส่วนมากเป็นคนเลว ก็หมายความว่าประชาชนส่วนมากก็เลวด้วย เพราะประชาชนจะเลือก ส.ส. ที่เขาเชื่อว่าเป็นตัวแทนในคุณค่าของเขา

แนวความคิดที่ชอบนำเรื่องการการทำรัฐประหารมาคอยขู่ๆ นักการเมือง ซึ่งจะดีจะเลวอย่างไรก็คือตัวแทนของประชาชน นี่มันคล้ายๆกับ พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกมาในแบบหนึ่ง อยากให้ลูกโตขึ้นเป็นคนแบบหนึ่ง แต่พอไม่ได้อย่างใจก็ขู่ว่าจะตัดออกจากกองมรดก ขู่เสร็จก็คิดว่าลูกจะกลัวแล้วก็จ๋อยๆ ยอมทำตามทุกอย่างที่พ่อแม่อยากให้ทำ ทั้งๆ ที่ลูกถึงแม้ว่าต้องมีความกตัญญู รู้คุณ และมีหน้าที่ดูแลตอบแทนคุณบิดามารดา แต่ลูกก็เป็นคนเหมือนกัน มีความต้องการในตัวในการพัฒนาที่จะเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งเดียวกับที่พ่อแม่ต้องการร้อยเปอร์เซนต์ เพราะมันฝืนธรรมชาติเขา หลังจากพ่อแม่ขู่และตัดเขาออกจากกองมรดกจริงๆ กลับกลายเป็นว่าเขาก็อยู่ของเขาเองได้ ซ้ำร้ายยังแข็งแกร่งขึ้น มีตัวตนที่ชัดเจน เข้มแข็งกว่าลูกที่พ่อแม่ตั้งหน้าตั้งตาตามใจให้ทุกอย่าง เพียงเพราะเขายอมทำตามความต้องการทุกอย่างของพ่อแม่ จบลงในที่สุดพ่อแม่ก็ต้องหันกลับมาพี่งลูกที่ถูกตัดออกจากกองมรดกออกไป เพราะเขายืนหยัดและแข็งแกร่ง ส่วนลูกที่ยอมทำตามทุกอย่างไม่คิดที่จะสู้ชีวิตด้วยตัวเอง นอกจากพ่อแม่จะพึ่งอะไรไม่ได้แล้ว ยังต้องเป็นภาระทางใจให้พ่อแม่ไปอีกชั่วชีวิต เพราะลูกคนนี้จะไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้

การทำรัฐประหารคือการขู่ให้ลูกเป็นเด็กไม่มีวันโตตลอดไป คอยแต่จะแหงนหน้าขึ้นมองและพร้อมที่จะแบมือขอของ ได้ทุกอย่างทางวัตถุที่อยากได้แต่ไม่เคยได้รับความสุขที่แท้จริงเพราะเขาต้องติดอยู่กับกับดักแห่งการแบมือขอในสิ่งที่เขาควรที่จะยืนยันที่จะต้องสร้างและรักษาไว้ด้วยตัวเอง...

@ มองศักยภาพฝ่ายค้าน กับการตรวจสอบหรือดุลอำนาจรัฐบาล ในปัจจุบันเป็นอย่างไร

ปัจจุบันประเทศไทยไม่มีฝ่ายค้านอยู่ค่ะ

@ หมายความว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีปัญหาในแง่บทบาทตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลในยามที่ตัวเองเป็นฝ่ายค้าน หรือไม่

พรรคการเมืองที่ไม่มี ส.ส. สักคนที่สามารถยืนยืด อกสบตากับประชาชนแล้่วพูดดังๆให้พวกเราฟังได้ว่า พรรคการเมืองของเรามีจุดยืนคือการต่อต้าน ไม่เอา ไม่รับหลักการ ของการทำรัฐประหาร อย่างสิ้นเชิง ถือว่าเป็นสถาบันการเมืองที่ล้มเหลวอย่างหมดความน่าเชื่อถืออยู่แล้วในตัวเองค่ะ ความพยายามที่จะต่อยอดอะไรต่อไป ก็จะไม่มีประสิทธิภาพหรือได้ผลอย่างที่ควรจะเป็น เพราะประชาชนถือว่าท่านไม่มีความจริงใจในหลักของประชาธิปไตยเป็นพื้นฐานในหัวใจ ดังนั้นเมื่อท่านเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะอ้างตัวว่าท่านจะต่อสู้เคียงข้างประชาชนได้อย่างไร

@ รัฐบาลปัจจุบัน จะยังคงบริหารต่อไป ได้หรือไม่ ภายใต้เงื่อนไขใด

ได้อย่างสบายๆ  เพราะผู้นำคือนายกรัฐมนตรี ได้อำนาจมาด้วยการชนะเลือกตั้งอย่างชอบธรรม อย่างขาดลอย และในเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมาท่านก็แสดงออกให้เห็นถึงความนิ่ง ความแมน และการให้เกียรติผู้อื่น แม้กระทั่งกลุ่มคนที่ไม่ได้เลือกท่าน  ตราบใดที่ท่านสามารถทำให้เศรษฐกิจเดินหน้า ประชาชนมีโอกาส มีความหวัง และความเชื่อมั่นในอนาคตที่ดีขึ้นของพวกเขาเองและลูกหลาน  ความก้าวหน้าทางเศรษกิจอาจจะเดินไปช้าๆแต่ต้องทำให้เดินไปข้างหน้า พร้อมๆไปกับการค่อยๆพยายามสร้างพื้นที่ให้คนทุกคนได้มีที่ยืน   ให้การถกเถียงถึงแนวคิดที่แตกต่างกันเป็นเรื่องปกติ ที่ไม่ได้หมายความว่าใครเป็นคนดีกว่าใคร    ถ้าหากทำได้อย่างนี้แล้วเรื่องทางกฎหมายและทางการเมืองก็จะค่อยๆถ่วงดุลกันไป อะไรที่ไม่ยุติธรรมมากๆ จนคนทนไม่ได้ เขาก็จะรวมตัวกันสร้างมวลชนขึ้นมาเพื่อส่งข้อความไปที่ตัวแทนของประชาชน หรือ ส.ส. ให้ นำมาถกเถียง จัดการ ปรับปรุง โดยผ่านระบบรัฐสภา ก็เป็นไปตามกลไกไป ช้าบ้างเร็วบ้าง แต่ทุกสิ่งจะค่อยๆมุ่งหน้ากลับเข้าสู่ระบบกลไกที่มันควรจะเป็น 

วิดีโอเกี่ยวกับเต่านา

หม่อมหลวงมิ่งมงคล โสณกุล

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

>> เคาะประมูลโปร่งใส "ข้าวหอมมะลิ" ได้ตันละ 3 หมื่น! สูงสุดในประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 3 ก.ย. นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ได้พิจารณาระบายสต๊อกข้าวสารตามที่คณะทำงานดำเนินการระบายข้าวที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเสนอมา โดยอนุมัติขาย 229,000 ตัน มูลค่า 3,973 ล้านบาท จากที่เปิดประมูล 753,000 ตัน ที่เหลืออีก 500,000 ตัน ยังไม่ขาย เพราะไม่ผ่านเกณฑ์ราคากลาง แต่จะเปิดประมูลใน 2 สัปดาห์หน้า

โดยทั้ง 229,000 ตัน สามารถแบ่งเป็นประเภทและราคาดังนี้

ข้าวหอมมะลิ 100% ชั้น 2 มี 3 รายได้รับอนุมัติ ขายให้ที่ตันละ 29,800-30,000 บาท มูลค่า 508 ล้านบาท 

ปลายข้าวเอวันเลิศ ขาย 1 ราย ปริมาณ 1,960 ตันๆ ละ 14,700 บาท 

ข้าวขาว 5% อนุมัติขาย 4 ราย รวม 210,000 ตัน มูลค่า 3,435 ล้านบาท 

นอกจากนี้ ยังได้อนุมัติขายข้าวเปลือกจากโครงการรับจำนำฤดูเก่าอีก 2,935 ตัน ให้กับ 2 บริษัท ตันละ 5,300 บาท มูลค่า 15.5 ล้านบาท.


>> มหาดไทยสั่งระงับการเข้าใช้เว็บไซท์ Facebook

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือมาตรการการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่า  สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จะระงับการเข้าถึงเว็บไซท์ที่ให้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และงดการใช้งานเว็บออนไลน์ เช่น Facebook ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 ในช่วงเวลา 08.30 - 12.00 น. และในช่วงเวลา 13.00 - 16.30 น.

กระทรวงมหาดไทยมีศูนย์เครื่อข่ายการสื่อสารอยู่ที่ด้านหลังโรงแรมตรัง บางลำพู บางกอก ให้บริการฟรีทั้งสัญญานโทรศัพท์ที่เรียกกันตามต่างจังหวัดว่าสายฮอทไลน์มหาดไทย การต่อเชื่อสัญญานอินเตอร์เน็ต เป็นเซิฟเวอร์ข้อมูลหลักของงานมหาดไทยทั้งประเทศ

ประเด็นปัญหาตามที่หนังสือแจ้ง
1.ศูนย์สื่อสารมหาดไทยพบว่า การใช้สัญญานอินเตอร์เน็ตฟรีของมหาดไทยทั้งประเทศ ในรอบ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2555 มีการใช้สัญญานต่อเชื่อมไปที่เว็บไซท์ 10 อันดับแรก เป็นเว็บไซท์ต่างประเทศที่ให้บริการดาวนโหลดข้อมูลภาพและเสียง และมีการเรียกใช้ในลักษณะออนไลน์ เช่นเว็บไซท์ Facebook

2. ผลตามข้อ 1. เป็นการใช้งานที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และทำให้ช่องสัญญานต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ต (Bandwidth) ลดลงเป็นจำนวนมาก

 Bandwidth มาจาก Band หมายถึง คลื่นความถี่ และ Width หมายถึง ความกว้าง รวมแล้ว Bandwidth คือ ความกว้างของคลื่นความถี่ เปรียบได้กับถนน ยิ่ง Bandwidth สูง การรับส่งข้อมูล เข้า ออก ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง สรุปแล้ว Bandwidth คือ ปริมาณการรับ และการส่งข้อมูล  (Data-Transfer) ของอินเทอร์เน็ต ซึ่งโดยมากเรามักวัดความเร็วของการส่งข้อมูลเป็น bps (bit per second) , Mbp (bps คูณ 1000000)

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับถนนข้อมูลของมหาดไทย ที่ให้บริการทุกศาลากลางทั่วประเทศ ส่วนส่วนราชการที่อยู่บนศาลากลาง ส่วนใหญ่หันไปใช้การต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเอกชน เช่น TOT, 3BB ฉะนั้น การใช้งานถนนข้อมูลของมหาดไทยส่วนใหญ่เป็นเครื่องของหน่วยงานในมหาดไทย

ลักษณะการใช้งานที่ทำให้ถนนข้อมูลเหลือน้อยลง ถนนแคบลง คือการใช้งานดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่ มีการจองถนนขนส่งข้อมูลนี้ตลอดเวลา เพราะต้องใช้เวลานานมากในการดาวน์โหลด เช่น การใช้โปรแกรมประเภท บิตทอร์เรนท์ (Bit Torrent) ส่วนการใช้งานเว็บไซท์ Facebook นั้น พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นการเข้าเว็บไซท์ทิ้งไว้รอเช็คข่าวสารเป็นระยะ ไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนทำงานจะไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรมาเขียนได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดผลกระทบกับองค์กรก็ต้องมีการแก้ไขปัญหา เหรียญมีสองด้านเสมอ ความผิดไม่ได้อยู่ที่เว็บไซท์ต่างๆ หรือเทคโนโลยีต่างๆ ความผิดอยู่ที่คนใช้งาน ก็แล้วแต่คนจะเลือกใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตอย่างไร แบบไหน จะใช้ให้มันมันทำประโยชน์ต่อส่วนตน ต่อส่วนรวม หรือจะใช้งานมันตามที่มันกำหนดให้ใช้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการปิดกั้นย่อมมีการพยายามฝ่าการปิดกั้นเสมอ....

>> สกก.บ้านตาก จัดประชุมประธาน/เลขานุการกลุ่มสมาชิก

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.55 สหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด ได้จัดให้มีการประชุม ประธานกลุ่ม เลขานุการกลุ่มสมาชิกสหกรณ์  ณ ห้องประชุมของสหกรณ์ ต.เกาะตะเภา อ.บ้านตาก โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ ชี้แจงผลการดำเนินงานในรอบสามเดือนที่ผ่านมา ปัญหา อุปสรรค และแนวทางในการดำเนินงานในรอบสามเดือนต่อไป และรับทราบปัญหาอุปสรรค ความต้องการของสมาชิกในกลุ่มสมาชิกต่างๆ
 สกก.บ้านตาก กำหนดให้มีการประชุมประธานกลุ่ม เลขานุการกลุ่ม 3-4 เดือนต่อครั้ง ตลอดทั้งปี

 ประธานกลุ่ม เลขานุการกลุ่มสมาชิก คือผู้ที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีคุณค่า เป็นกำลังสำคัญต่อการขับเคลื่อนกิจการของสหกรณ์

 ระหว่างการประชุม ประธานกลุ่มจะมีการตรวจสอบข้อมูลกลับไปที่สมาชิกในกลุ่มเพื่อให้การดำเนินการประชุมเป็นไปตามวัตถุประสงค์

 ทุกคนต้องสนใจข้อมูลต่างๆ เพื่อกลับไปประสานงานสมาชิกในกลุ่ม ทุกอย่างอยู่ในภาวะการแข่งขันกันทำดี เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดร่วมกัน ตลอดเวลา




รายการสุดท้าย แยกกลุ่มต่างๆ เป็นโซนกลุ่ม โดยมีเจ้าหน้าที่สหกรณ์จัดทีมแบ่งกันรับผิดชอบ ได้แยกกลุ่มโซนออกไป นัดแนะ ทำความเข้าใจภาระกิจต่างๆ ตามข้อมูลของสมาชิกของแต่ละกลุ่ม


>> เกษตรจังหวัดเยี่ยมชมโครงการทำนา 1 ไร่ฯ ของ "ชูชีพ โภคา"

เมื่อบ่ายวันที่ 10 กันยายน 2555 เจ้าหน้าที่จากสำนักงานเกษตรจังหวัดตาก และสำนักงานเกษตรอำเภอบ้านตาก ได้เข้าเยี่ยมชม ติดความความก้าวหน้าการดำเนินกิจกรรมการตามโครงการ "ทำนา 1 ไร่ ได้เงิน 1 แสนบาท" ของ นายชูชีพ  โภคา ประธานกรรมการดำเนินการของสหกรณ์การเกษตรบ้านตาก จำกัด ที่ต.ตากตก อ.บ้านตาก จ.ตาก

 โรงนา

 ทุกอย่างต้องมีการจดบันทึก ค้นคว้า ทบทวน อยู่เสมอ

 ใบโหระพางามมาก

 เป็นที่น่าสังเกตุว่า หน้าดินบริเวณนี้เป็นหน้าดินที่เป็นดินที่จากการขุด นำมาถมแล้วปรับพื้นที่ ดินเป็นดินปนลูกรังแดง ถึงวันนี้ กลายเป็นดินดำ ร่วนซุย มีใส้เดือนอาศัยอยู่


 ร่องน้ำรอบที่นา ปล่อยปลา มีให้จับกินจับขายได้ตลอด

 พื้นที่นา 1 ไร่ ปลูกข้าวหอมนิลด้วยการโยนกล้า

 ลดต้นการผลิตด้วยเกษตรอินทรีย์ น้ำหมักชีวภาพ หมักใช้เอง และยังแจกเพื่อนบ้านด้วย


 สระน้ำโชคดี มีน้ำซึมออกมาทั้งปี น้ำใสสะอาด



>> "เทือก"ทำใจการเมืองเปลี่ยน ขรก.เปลี่ยน ลั่นพร้อมสู้คดีดีเอสไอ

Posted Image
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะ ไปทำการตรวจสอบเรื่องการเบิกจ่ายกระสุน ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงมีการพูดถึงการตั้งข้อหาเจตนาฆ่า ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 ว่าเป็นเรื่องที่ตนทำใจเอาไว้แล้ว คือ เมื่ออำนาจในการบริหารบ้านเมืองเปลี่ยน มีข้าราชการบางส่วนที่เปลี่ยนไปด้วย ตนเป็นรองนายกฯ ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ปลอดภัยของบ้านเมือง เมื่อมีคนก่อเหตุร้าย ก่อการจลาจล มีคนเอาอาวุธสงครามมาประทุษร้าย เจ้าหน้าที่และประชาชน ตนก็ต้องแก้ไขสถานการณ์

"หากการทำงานตามหน้าที่ของผมจะต้องถูกพลิกกลับมาให้เป็นจำเลย ก็พร้อมที่จะสู้คดีและไม่หวั่นไหว ฉะนั้น ดีเอสไอหรือตำรวจที่มีปัญญาคิดสารพัดวิธี เพื่อจะรับใช้ผู้มีอำนาจขอเชิญถาโถมมาได้ ผมก็พร้อมที่จะรับสภาพอยู่แล้ว และไม่หนีไปต่างประเทศอย่างแน่นอน" นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า คดีดูเหมือนเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิม จะมีการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่หรือไม่

นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเขาได้สร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่หรือไม่ แต่มั่นใจในข้อเท็จจริงหลักฐานของจริงที่เรามีอยู่ และมั่นใจว่าเราจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงความจริง จากผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือในขณะนี้ได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ไม่ว่าจะมีเจตนาบิดเบือนไปอย่างไรก็ตาม เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้ทำการตัดต่อคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าสั่งฆ่าประชาชน ในปี 2552 นั้น ในที่สุดคนทั้งประเทศก็เห็นว่านายจตุพรโกหก วันนี้ก็เช่นกัน หากเอาเหตุการณ์ปี 2553 มาบิดเบือน เราก็ต้องเอาข้อเท็จจริงมาสู้

ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน

วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

>> ส่งออกข้าวไทย 8 เดือนแรก ร่วงที่ 3 ของโลก


นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ส่งออกข้าวไทยในช่วง 8 เดือน (ม.ค.-21 ส.ค. 55) ว่า

ไทยสามารถส่งออกได้ 4.36 ล้านตัน  อยู่ในอันดับที่สามรองจากเวียดนามและอินเดีย  เมื่อเทียบกับเวียดนามที่ส่งออกระยะเวลาเดียวกันถึง 4.63 ล้านตัน มากเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอินเดียอันดับสองส่งออกได้ 4.57 ล้านตัน  จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้คาดว่าการส่งข้าวไทยทั้งปีไม่น่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ประเมินว่าไทยจะส่งออกได้ 8.5-9 ล้านตัน โดยเอกชนยังคงประเมินว่าจะส่งออกทั้งปีได้ 6.5-7 ล้านตันเท่านั้น

ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการค้าข้าวในตลาดโลกไม่กระเตื้องมากนัก เพราะสต๊อกข้าวทั่วโลกยังมีจำนวนมาก โดยเฉพาะอินเดีย แม้จะประสบภัยธรรมชาติ แต่ยังสามารถส่งออกข้าวไปตลาดต่างประเทศได้อยู่ ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาหลายประเทศมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นเพื่อสต๊อกไว้จำนวนมาก ทำให้คำสั่งซื้อครึ่งปีหลังจึงไม่ค่อยมีมากนัก รวมทั้งการส่งออกข้าวของไทยแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ที่กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้จะส่งออกได้มากถึง 3-5 ล้านตัน ก็ยังไม่เห็นผลชัดเจนว่าจะส่งมอบออกไปเมื่อไร


ที่มา :  http://newsrama2.com/news/topic-36464.html

วันพฤหัสบดีที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2555

>> ชมรมสหกรณ์จังหวัดตาก เป็นวิทยากรอบรมการใช้อินเตอร์เน็ต

ระหว่างวันที่่ 1 - 5 กันยายน 2555 ชมรมสหกรณ์จังหวัดตาก ได้รับเชิญ (แกมบังคับ แกมขอร้องมาสามเดือนกว่าแล้ว) ให้เป็นวิทยากรอบรมการใช้งานอินเตอร์เน็ต ให้แก่ ข้าราชการของ อบต.ขะเนจื้อ อ.แม่ระมาด จ.ตาก ที่ประกอบด้วย ข้าราชการในส่วนงานต่างๆ และครูสังกัด ของ อบต.  ณ  ห้องประชมสภา อบต.ขะเนจื้อ
ชมรมสหกรณ์จังหวัดตาก ได้ส่งที่ปรึกษาของชมรมฯ ไปเป็นวิทยากรในครั้งนี้ เป้าหมายของชมรมฯ คือ ได้เผยแพร่งานของสหกรณ์ และได้เครือข่ายประชาชนในพื้นที่ จ.ตาก เพิ่มขึ้น

การฝึกอบรมการใช้งานคอมพิวเตอร์และสื่ออินเตอร์เน็ตเพื่อการประชาสัมพันธ์เชิงรุก โดยมุ่งเน้นให้เข้าใจและปลุกระดมให้คิด ให้ร่วมกันคิดมากกว่าทำตามขั้นตอนที่กำหนด และจึงไม่มีเอกสารการใช้งานคอมพิวเตอร์แจกให้ผู้เข้ารับการอบรม จะให้จดที่สำคัญๆ เท่าที่จำเป็น และฝึกผลิตชิ้นงานที่เกิดจากความคิดที่แตกต่าง หลากหลาย


ปัญหาที่พบระหว่างการฝึกอบรม พอสรุปได้ดังนี้
1. ปัญหาตัวบุคคล ที่มีพื้นฐานการใช้งานคอมพิวเตอร์ที่แตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะใช้งานคอมพิวเตอร์เพื่อพิมพ์งาน ดูหนัง ฟังเพลง เป็นหลัก การใช้งานอินเตอร์เน็ตยังไม่กว้างขวาง ไม่มีการติดต่อสื่อสารทางอินเตอร์เน็ตเป็นประจำ บางคนไม่รู้จักสายแลน ไม่เคยใช้อีเมล์ แต่ทุกคนที่เข้าอบรมมีความมุ่งมั่น อดทน ที่จะเรียนรู้สูงมาก บุคคลากรเมื่อกลับไปปฏิบัติงานในพื้นที่ตัวเอง จะไม่มีสัญญานอินเตอร์เน็ตใช้ การต่อเชื่อมด้วยแอร์การ์ด ยากลำบาก ได้สัญญานที่ไม่แรงพอกับการใช้งาน บางคนบอกว่าจะไปขอใช้ที่สถานีอนามัย
2. ปัญหาคอมพิวเตอร์  เกือบทุกคนใช้เงินส่วนตัวซื้อโน๊ตบุ๊คส์ใช้งาน นอกนั้นใช้ของ อบต. ยืมคนอื่นมาอบรม ปัญหาใหญ่ที่สุดคือความไม่สมบูรณ์ของระบบปฏิบัติการ วินโดวส์ไม่สมบูรณ์ วินโดวส์ติดไวรัส หากโน๊ตบุ๊คส์ใช้งานตามปกติก็จะไม่พบปัญหา แต่เมื่อนำมาอยู่ในระบบเครือข่ายเพื่อการต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตจะมีปัญหามาก
3. ปัญหาการต่อเชื่อมระบบอินเตอร์เน็ต อบต.ขะเนจื้อ ได้เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยการติดตั้ง Leased Line ผ่านระบบ Wi-Net รับสัญญานจากเสาสถานีฐานของ TOT อ.แม่ระมาด ด้วยจานรับสัญญานแบบจานดาวเทียม IP-Star แต่รับสัญญานด้วยคลื่นความถี่ย่าน 5.8 GHz. ซึ่งมีระยะทางอากาศประมาณ 7,800 เมตร. ซึ่งสัญญานอินเตอร์เน็ตจะขาดหายไป 3-4 ครั้ง ในช่วง 5 วัน ใช้เวลาแก้ไขมากกว่า 1 ชั่วโมง ความแรงสัญญานพอใช้ ส่วนระบบการต่อเชื่อมเครือข่ายภายในไม่มีปัญหา อบต.มีค่าใช้จ่ายเดือนละ 8,770 บาท


ข้อเสนอแนะ
1. อุปกรณ์ อบต.ควรติดตั้งระบบเครื่อข่ายไร้สายภายในสำนักงาน (Wireless Access Point) เพื่อให้บริการบุคคลากรที่อยู่นอกสำนักงานเมื่อเข้ามาติดต่องานที่ อบต. และเพื่อให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดจากค่าใช้จ่ายในการต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ต
2. สถานที่ อบต.ควรจัดให้มีสถานที่ที่เหมาะเพื่อให้บุคคลากรของ อบต.ได้รับความสะดวกในการสุมหัว แลกเปลี่ยนเรียนรู้ พัฒนาทักษะการใช้งาน และทำการปรับปรุงข้อมูล ข่าวสาร
3. กำหนดเวลาสุมหัวพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง อบต.ควรพิจารณากำหนดช่วงเวลา เพื่อให้บุคคลากรได้สุมหัว แลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน เป็นการกำหนดวันเวลาที่แน่นอน



เนื่องจากใกล้ๆ อบต.ขะเนจื้อ ไม่มีร้านอาหาร ทาง อบต.ได้จัดให้มีการประกอบอาหารกลางวัน ระบบตรงนี้พร้อมที่จะสนับสนุนบุคคลากรเมื่อเข้ามาสุมหัวแลกเปลี่ยนเรียนรู้ (พ่อครัวทำกับข้าวอร่อยทุกอย่าง เคยอยู่ร้านอาหารที่มหาชัย สถานที่ ห้องน้ำ สะอาด ตลอดเวลา)


ข่าว บทความที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ข่าวของประชาชน คนในพื้นที่ วิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น สภาพแวดล้อม การทำมาหากิน ฯลฯ ข่าว บทความ แนวนี้จะมีน้อย ส่วนใหญ่จะเสนอข่าวของเจ้านาย เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับเจ้านายมากกว่าข่าวของประชาชนที่ส่วนราชการมีหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ พัฒนา แค่ความคิดเปลี่ยน อะไรก็เปลี่ยนไปมากมาย






ภูมิปัญญาชาวบ้าน

สินค้า ผลผลิต ผลิตภัณฑ์

ผู้ชายทอผ้าคนนี้ไม่พูดกับผมเลยสักคำ ผมเลยไม่ได้เรื่องราวอะไรออกมา ในเวลาจำกัด รีบๆ ก่อนออกมาก็พูด "ขอบคุณมากครับ" เขาก็ไม่ตอบ แต่ครูอภิสิทธิ์ ที่พาไปนั้น บอกว่า "อาจารย์พูดไม่ถูก อาจารย์ต้องพูดว่า Thank you very much. ครับ เขาพูดไทยไม่ได้ ต้องสื่อสารกับเขาเป็นภาษาปกาญอ ภาษาพม่า และภาษาอังกฤษ เท่านั้น....

รู้เรื่องปกาญอ เพิ่มเติมครับ......
http://blogazine.in.th/users/chisuwicharn

http://www.youtube.com/results?search_query=%E0%B8%8A%E0%B8%B4+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2&oq=%E0%B8%8A%E0%B8%B4+%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%99+%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2&gs_l=youtube-reduced.3...266411.266411.0.267676.1.1.0.0.0.0.933.933.6-1.1.0...0.0...1ac.1j2.gBNtfi6Wp6A