วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

>> มหาดไทยสั่งระงับการเข้าใช้เว็บไซท์ Facebook

เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2555 สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ออกหนังสือมาตรการการใช้งานระบบอินเตอร์เน็ต สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่า  สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย จะระงับการเข้าถึงเว็บไซท์ที่ให้บริการดาวน์โหลดข้อมูลภาพและเสียงที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และงดการใช้งานเว็บออนไลน์ เช่น Facebook ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2555 ในช่วงเวลา 08.30 - 12.00 น. และในช่วงเวลา 13.00 - 16.30 น.

กระทรวงมหาดไทยมีศูนย์เครื่อข่ายการสื่อสารอยู่ที่ด้านหลังโรงแรมตรัง บางลำพู บางกอก ให้บริการฟรีทั้งสัญญานโทรศัพท์ที่เรียกกันตามต่างจังหวัดว่าสายฮอทไลน์มหาดไทย การต่อเชื่อสัญญานอินเตอร์เน็ต เป็นเซิฟเวอร์ข้อมูลหลักของงานมหาดไทยทั้งประเทศ

ประเด็นปัญหาตามที่หนังสือแจ้ง
1.ศูนย์สื่อสารมหาดไทยพบว่า การใช้สัญญานอินเตอร์เน็ตฟรีของมหาดไทยทั้งประเทศ ในรอบ 8 เดือนของปีงบประมาณ 2555 มีการใช้สัญญานต่อเชื่อมไปที่เว็บไซท์ 10 อันดับแรก เป็นเว็บไซท์ต่างประเทศที่ให้บริการดาวนโหลดข้อมูลภาพและเสียง และมีการเรียกใช้ในลักษณะออนไลน์ เช่นเว็บไซท์ Facebook

2. ผลตามข้อ 1. เป็นการใช้งานที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงาน และทำให้ช่องสัญญานต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ต (Bandwidth) ลดลงเป็นจำนวนมาก

 Bandwidth มาจาก Band หมายถึง คลื่นความถี่ และ Width หมายถึง ความกว้าง รวมแล้ว Bandwidth คือ ความกว้างของคลื่นความถี่ เปรียบได้กับถนน ยิ่ง Bandwidth สูง การรับส่งข้อมูล เข้า ออก ก็ยิ่งมีประสิทธิภาพสูง สรุปแล้ว Bandwidth คือ ปริมาณการรับ และการส่งข้อมูล  (Data-Transfer) ของอินเทอร์เน็ต ซึ่งโดยมากเรามักวัดความเร็วของการส่งข้อมูลเป็น bps (bit per second) , Mbp (bps คูณ 1000000)

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับถนนข้อมูลของมหาดไทย ที่ให้บริการทุกศาลากลางทั่วประเทศ ส่วนส่วนราชการที่อยู่บนศาลากลาง ส่วนใหญ่หันไปใช้การต่อเชื่อมอินเตอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเอกชน เช่น TOT, 3BB ฉะนั้น การใช้งานถนนข้อมูลของมหาดไทยส่วนใหญ่เป็นเครื่องของหน่วยงานในมหาดไทย

ลักษณะการใช้งานที่ทำให้ถนนข้อมูลเหลือน้อยลง ถนนแคบลง คือการใช้งานดาวน์โหลดข้อมูลขนาดใหญ่ มีการจองถนนขนส่งข้อมูลนี้ตลอดเวลา เพราะต้องใช้เวลานานมากในการดาวน์โหลด เช่น การใช้โปรแกรมประเภท บิตทอร์เรนท์ (Bit Torrent) ส่วนการใช้งานเว็บไซท์ Facebook นั้น พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้งานส่วนใหญ่จะเป็นการเข้าเว็บไซท์ทิ้งไว้รอเช็คข่าวสารเป็นระยะ ไม่ได้ใช้งานตลอดเวลา เพราะในความเป็นจริงแล้ว คนทำงานจะไม่มีเรื่องส่วนตัวอะไรมาเขียนได้ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดผลกระทบกับองค์กรก็ต้องมีการแก้ไขปัญหา เหรียญมีสองด้านเสมอ ความผิดไม่ได้อยู่ที่เว็บไซท์ต่างๆ หรือเทคโนโลยีต่างๆ ความผิดอยู่ที่คนใช้งาน ก็แล้วแต่คนจะเลือกใช้ประโยชน์จากอินเตอร์เน็ตอย่างไร แบบไหน จะใช้ให้มันมันทำประโยชน์ต่อส่วนตน ต่อส่วนรวม หรือจะใช้งานมันตามที่มันกำหนดให้ใช้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการปิดกั้นย่อมมีการพยายามฝ่าการปิดกั้นเสมอ....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น