ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จะ ไปทำการตรวจสอบเรื่องการเบิกจ่ายกระสุน ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รวมถึงมีการพูดถึงการตั้งข้อหาเจตนาฆ่า ในเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง เมื่อปี 2553 ว่าเป็นเรื่องที่ตนทำใจเอาไว้แล้ว คือ เมื่ออำนาจในการบริหารบ้านเมืองเปลี่ยน มีข้าราชการบางส่วนที่เปลี่ยนไปด้วย ตนเป็นรองนายกฯ ที่มีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ปลอดภัยของบ้านเมือง เมื่อมีคนก่อเหตุร้าย ก่อการจลาจล มีคนเอาอาวุธสงครามมาประทุษร้าย เจ้าหน้าที่และประชาชน ตนก็ต้องแก้ไขสถานการณ์
"หากการทำงานตามหน้าที่ของผมจะต้องถูกพลิกกลับมาให้เป็นจำเลย ก็พร้อมที่จะสู้คดีและไม่หวั่นไหว ฉะนั้น ดีเอสไอหรือตำรวจที่มีปัญญาคิดสารพัดวิธี เพื่อจะรับใช้ผู้มีอำนาจขอเชิญถาโถมมาได้ ผมก็พร้อมที่จะรับสภาพอยู่แล้ว และไม่หนีไปต่างประเทศอย่างแน่นอน" นายสุเทพกล่าว
เมื่อถามว่า คดีดูเหมือนเปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเดิม จะมีการสร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่หรือไม่
นายสุเทพกล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าเขาได้สร้างพยานหลักฐานขึ้นมาใหม่หรือไม่ แต่มั่นใจในข้อเท็จจริงหลักฐานของจริงที่เรามีอยู่ และมั่นใจว่าเราจะสามารถพิสูจน์ความบริสุทธิ์ได้ ส่วนจะมีการเปลี่ยนแปลงความจริง จากผู้ที่มีอำนาจอยู่ในมือในขณะนี้ได้หรือไม่นั้น ตนคิดว่าความจริงเปลี่ยนไม่ได้ ไม่ว่าจะมีเจตนาบิดเบือนไปอย่างไรก็ตาม เช่น นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำ นปช. ได้ทำการตัดต่อคลิปเสียงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าสั่งฆ่าประชาชน ในปี 2552 นั้น ในที่สุดคนทั้งประเทศก็เห็นว่านายจตุพรโกหก วันนี้ก็เช่นกัน หากเอาเหตุการณ์ปี 2553 มาบิดเบือน เราก็ต้องเอาข้อเท็จจริงมาสู้
ที่มา : หนังสือพิมพ์มติชน
สำหรับจีนส์ในตัวผมไม่เปลี่ยนสีครับ...เพราะผมเป็นคน.....สีของผมมีสีเดียวตลอดกาล....คือสีของประชาชนคนไทย....สีทนได้....
ตอบลบ