“จำนำข้าว การต่อสู้ทางชนชั้นในไทย”
มีคนถามผมถึงความเห็นส่วนตัวกรณีโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ผมบอกว่าผมเห็นด้วย ผู้ที่ถามตาเขียวต่อว่าว่า คุณไม่นึกถึงว่าประเทศของเราจะตกต่ำ ส่งออกข้าวได้น้อยลง แต่ก่อนเคยเป็นเจ้าส่งออกข้าวเบอร์หนึ่งของโลก ตอนนี้ลำดับลดหดถอยลงมาเหลือแค่เป็นลำดับ 3 ของโลกแล้ว ผมเรียนว่า กรุณาอย่าสับสนระหว่างเรื่องคุณภาพกับปริมาณ
ความขัดแย้งที่เป็นประเด็นในสังคมไทยเรื่องจำนำข้าวนี่เป็นประเด็นของการต่อสู้ทางชนชั้นนะครับ เป็นเรื่องที่ชนชั้นนายทุนใหญ่ นายทุนนายหน้า และนายทุนขุนนาง ทนไม่ได้ ที่รัฐหันไปให้ประโยชน์แก่ชนชั้นชาวนา เพราะตั้งแต่ไหนแต่ใดมา นายทุนขุนนางซึ่งอาศัยอำนาจรัฐบาลมาผูกขาดการค้า กุมกิจการสินค้าเข้าสินค้าออก และควบคุมอุตสาหกรรม สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้ผู้คนชนชั้นของตนเองแต่ฝ่ายเดียว ไม่เคยมีรัฐบาลไหนแลเหลียวชาวนาพวกต่างๆ ไม่ว่าจะชาวนารวย ชาวนากลาง ชาวนาจน หรือแม้แต่ชาวนารับจ้าง
วันดีคืนดี มีรัฐบาลเพื่อไทยที่เห็นใจชาวนาและชนชั้นกรรมาชีพ หันมาใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ พร้อมกับมุ่งมั่นตั้งใจให้สถานะของผู้คนชนชั้นที่ถูกกดขี่ขูดรีดดีขึ้น พวกนายทุนใหญ่ย่อมทนไม่ไหว ส่งสัญญาณให้มีการปฏิวัติรัฐประหารและทำลายรัฐบาลที่เห็นใจชนชั้นที่ถูกกดขี่ขูดรีดนั้น โชคยังดีที่คนผู้โดนปฏิวัติรัฐประหารเป็นพวกสู้ไม่ถอย ค่อยๆ ทยอยกลับมาสู่อำนาจรัฐ เมื่อได้อำนาจคืนมาแล้ว ก็เจือจุนดูแลผู้คนชนชั้นผู้ที่ถูกกดขี่ขูดรีดเหมือนสมัยก่อนปฏิวัติ
วิธีการปฏิวัติใช้ไม่ได้ผล ฝ่ายเจ้าที่ดิน นายทุนขุนนาง นายทุน นายหน้า ฯลฯ ที่เคยใช้อำนาจรัฐสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับฝ่ายตน ก็วางแผนใหม่ให้นักวิชาการและสื่อมวลชน ดาหน้าออกมาถล่มรัฐบาลแทนทหาร เพราะหากปล่อยให้ชาวนาลืมตาอ้าปากได้ ฝ่ายของตนจะตกอยู่ในสภาพเสียเปรียบไปอีกนานแสนนาน และที่เสียหายมากที่สุด ฝ่ายของตนอาจจะสูญสิ้นอำนาจวาสนาในประเทศไปเลยทีเดียว
ละครที่ท่านเห็นเล่นกันอยู่บนเวทีนั้น โดยแท้ที่จริง เป็นละครเรื่องเก่า ที่ถูกนำมาเล่า ถูกนำมาแสดงกันแล้วในมากมายหลายประเทศ เป็นเรื่องที่ฝ่ายอำนาจเดิมต้องออกมาสกัดชาวนาที่ขณะนี้กำลังกลายเป็นประชาชนของชาติก้าวหน้า หรือเป็นมวลชนปฏิวัติ อิทธิพลของสื่อสารมวลชนเสรี ทำให้ชาวนาเหล่านี้มีความคิดทางการเมืองประชาธิปไตยแท้จริง มีสติปัญญาที่จะพัฒนาพวกตนขึ้นเป็นมวลชนชาวนาจัดตั้งที่ศึกษาจริง ทำงานจริง และต่อสู้จริง สิ่งต่างๆ อย่างนี้นี่แหละครับ ที่ทำให้ฝ่ายนายทุนนายหน้า และนายทุนขุนนาง แขยงแขยงขน เพราะแม้ฝ่ายตนจะใช้กำลังทหารเข้าประหัตประหารแล้วหลายครั้ง ทว่า ชาวนาเหล่านี้ยังยืนอยู่ได้ในสังคม
ประวัติศาสตร์ของหลายชาติรัฐ ความสำเร็จในการล้มคว่ำอำนาจเดิมเริ่มมาจากชาวนา เพราะชาวนาเป็นกำลังหลวง ชาวนาเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ เป็นกองพลาธิการที่ใหญ่ที่สุดของการปฏิวัติ ชาวนามีปริมณฑลกว้างขวางที่สุด เป็นเงื่อนไขที่ทหารของนายทุนนายหน้า และนายทุนขุนนางกำจัดไม่ได้ เพราะชาวนาอยู่กระจัดพลัดพรายในชนบท ไม่รวมศูนย์ หากชาวนามุ่งมั่น บั้นปลายท้ายที่สุดของการต่อสู้ ชาวนาก็สามารถประสบชัยชนะ
วันนี้ จึงมีเสียงโอดโอยโหยหวนของนักวิชาการและสื่อสารมวลชนที่บากหน้าออกมาเป็นตัวแทนของทุนผูกขาดที่เคยกุมกลไกของรัฐมาชั่วนาตาปี ผู้อ่านท่านลองหลับตาจินตนาการ หรือลองลากปากกาเชื่อมโยงผู้คนที่ออกมาต่อต้านดูเถิด แต่ละท่านเชื่อมโยงกับทุนอุตสาหกรรมที่ผนวกบวกกับทุนธนาคาร ซึ่งสองทุนนี่รวมกันเป็นทุนขุนคลังขนาดใหญ่ทั้งนั้น
ถ้าจะให้ราชอาณาจักรไทยไปรอด ผู้ที่กุมอำนาจรัฐต้องใส่ใจในความเป็นอยู่ของปัญญาชน นักเรียน นักศึกษาวัยหนุ่มสาว ต้องให้โอกาสพ่อค้าย่อยให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน (พ่อค้าย่อยที่ตั้งร้านเล็กๆ ไม่จ้างลูกจ้าง หรือถ้าจ้างก็จ้างเพียงจำนวนน้อย) รัฐต้องทุ่มเทพัฒนาศักยภาพของหัตถกร (พวกที่มีปัจจัยการผลิตของตนเอง ไม่มีลูกจ้าง หรือถ้ามี ก็มีเพียงลูกศิษย์ฝึกงาน ท่านเหล่านี้มีสถานะเท่ากับชาวนากลาง ซึ่งมีที่ดิน มีเครื่องมือการผลิตและทุนหมุนเวียน แต่ใช้แรงงานตนเอง และมีฐานะอยู่ในระดับพอกินพอใช้) อีกพวกหนึ่งที่รัฐพึงต้องให้การสนับสนุนอย่างมาก ก็คือ พนักงานผู้น้อย ทั้งพนักงานผู้น้อยในองค์การของรัฐบาล สมาคมอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรม ที่ดำรงชีพอยู่ได้ด้วยการขายแรงงานทางสมองหรือเทคนิค
ไทยเป็นราชอาณาจักรที่มีสถานะทางการเมืองที่แปลก รัฐบาลมาจากการสนับสนุนของผู้คนชนชั้นที่ถูกกดขี่ขูดรีด แต่รัฐบาลดันยอมให้ในประเทศยังมีอำนาจของนายทุนนายหน้า และนายทุนขุนนาง
ยังต้องต่อสู้กันอีกหลายยกครับ
เรื่องจำนำข้าวนี่เป็นการต่อสู้ระดับเบเบี้เท่านั้น.
ที่มา : นิติภูมิ นวรัตน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น