โดย.....ขำ เคืองใจ
อาการยิ้มหวานแอ๋บแบ๋ว คือสไตล์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เห็นคุ้นชิน ทุกภาพรอยยิ้มพิมพ์ใจของผู้นำประเทศในหลายพื้นที่แม้จะทำให้โลกนี้สดใส ผ่อนคลายภาวะโลกร้อนไปได้บ้าง
ทว่า การแสดงบทยิ้มสู้ หรือต่อมน้ำตารั่วในยามพบปะประชาชนที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนด้านต่างๆ กลับกลายเป็นจุดอ่อนให้ถูกวิจารณ์อย่างสม่ำเสมอว่าผู้นำประเทศนี้มีความโดดเด่นระดับตุ๊กตาทองสาขานักแสดงนำฝ่ายหญิงยอดเยี่ยมเพียงอย่างเดียว ส่วนความคาดหวังที่จะเห็นพัฒนาการทางความคิดก้าวขึ้นสู่ผู้กำกับการแสดงด้วยตนเอง กล้าคิด กล้าตัดสินใจ มีบ้างไหม
ยิ่งสารพันปัญหากดดันผู้นำประเทศในช่วงนี้ ทั้งจากซากศพการเมืองคืนชีพประจำบ้านเลขที่ 111 ที่กำลังวอร์มอัพเข้ามาเป็นผู้เล่นตัวจริง ทั้งเสียงบ่นจากพี่น้องทั่วสารทิศที่อึดอัดเหลือประดากับการบริหารงานรัฐบาลจนรัฐมนตรีหลายคนจัดอยู่ในประเภทโลกลืม ทั้งกลุ่มคนสีแดงหัวก้าวหน้าที่กำลังสร้างรอยแยกจากกำแพงเพื่อไทยจากไม่พอใจรัฐเมินเฉยแก้กฎหมาย มาตรา 112 หรือแม้แต่อีสานโพล ที่เป็นการสำรวจพี่น้องภาคอีสานอันเป็นฐานเสียงขนาดใหญ่ของพรรคเพื่อไทยที่สำรวจออกมาล่าสุด รัฐบาลตกอับสอบตกการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
สภาพความไม่พอใจจากหลายฝ่ายที่ก่อตัวมากขึ้นรุมถล่มรัฐบาลเช่นนี้หรือไม่ที่ทำให้ผู้นำประเทศไม่อาจเก็บความอดทนอดกลั้นได้จึงต้องระเบิดอารมณ์ออกมา
ดังที่ได้ยินเสียงดังๆผ่านผนังห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 8 พ.ค. บ่งบอกถึงความเครียดหนักขอองนายกฯยิ่งลักษณ์ เหตุเกิดช่วงท้ายของการประชุม เธอหยิบยกเรื่องรายงานสถานการณ์ภัยแล้ง ที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เสนอเข้าสู่ครม.เป็นวาระเพื่อทราบ มาพูดคุยแต่ การหารือครั้งนี้มันไม่ธรรมดา บรรยากาศมาคุปกคลุมเพิ่มอุณหภูมิร้อนขึ้นเรื่อยๆ ผ่านเสียงเข้มของนายกฯและท่าทีไม่พอใจ!
เธอ ตั้งข้อสังเกต รายงานปภ. ที่มีการรายงานสถานการณ์ภัยแล้งมาเป็นระยะ ๆ จากเดิมที่เคยรายงานมาว่ามีการประกาศพื้นที่ประสบภัยแล้ง 30 จังหวัด แต่ยิ่งรายงานมามันก็ยิ่งเยอะขึ้นทุกวัน มาวันนี้รายงานมาว่ามีจังหวัดที่ประสบภัยแล้งแล้วถึง 50 จังหวัด และ 60 จังหวัดเพิ่มขึ้นมาเรื่อย
"ข้าราชการไทยทำงานแบบนี้ก็ไม่ไหว อยากได้งบภัยแล้ง เวลาที่เกิดภัยแล้งก็ไม่ได้ไปดู สมมติในหมู่บ้านหนึ่ง มันแล้งสักหน่อยหนึ่ง ไม่ได้แล้งทั้งหมู่บ้าน แต่ก็ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแล้งมันทั้งตำบล ทั้งอำเภอและทั้งจังหวัดเลย เพื่อที่จะเอางบภัยแล้ง แบบนี้ต้องเลิก"
ไม่บ่อยครั้ง นายกฯยิ่งลักษณ์พรั่งพรูความคิดซัดแหลกแบบนี้ เธอหยิบกรณีรายงานภัยแล้งมั่วเทียบกับกรณีน้ำท่วม
"เหมือนกับตอนน้ำท่วม น้ำท่วม จริง ๆ แล้วมันป้องกันได้ แต่ดิฉันไม่ทราบว่าทำไมไม่ทำ ทำไมไม่ป้องกัน พอฝนจะมาก็ต้องไปป้องกัน แต่ว่าไม่ป้องกัน ปล่อยให้น้ำท่วม บางพื้นที่น้ำท่วมยังไม่พอ ก็ปล่อยให้น้ำท่วมเยอะ ๆ เพื่อที่จะประกาศเป็นจังหวัดน้ำท่วมแล้วจะได้งบไปใช้ ภัยหนาวพอหนาวนิดเดียวก็ประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวเลย เพราะฉะนั้นผวจ. ทุกจังหวัดที่ออกประกาศอย่างนี้ ทางกระทรวงมหาดไทยและรองยงยุทธต้องไปดู"
นายกฯยิ่งลักษณ์ระเบิดอารมณ์ราวกับรัวเอ็มสิบหกเป็นชุดๆ
สายสืบข้างผนังห้องประชุมครม.ถ่ายทอดสัญญาณเสียงต่อไปว่า ขณะที่ยิ่งลักษณ์สั่งการให้นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกฯและรมว.มหาดไทยไปดูแลเรื่องดังกล่าว เหลือบไปเห็นนายยงยุทธอยู่ในสภาพนั่งนิ่งหลับ เมื่อได้ยินเสียงดังๆของนายกฯยิ่งลักษณ์ ก็รีบพยักหน้าตอบรับ โดยนายกฯกำชับว่า "ท่านรองยงยุทธ ท่านต้องไปดู ไอ้ที่ควรช่วยประชาชนหน่ะไม่ได้ช่วย เช่น เงินชดเชยเยียวยา 5 พัน เงินช่วยประชาชนที่บ้านพัง ที่เป็นทุกข์ของชาวบ้าน โดยเป็นเงินงบประมาณของที่อื่น ท่านผู้ว่าฯไม่ไปดู ผู้ว่าฯไม่ไปเร่งรัดอะไรเลย" ยิ่งลักษณ์ เสียงเข้มต่อไป
จังหวะนั้นรายการผสมโรงจึงตามมา เมื่อปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์ฯ เสริมว่า มีบางจังหวัดที่เบิกจ่ายเงินช่วยเหลือน้ำท่วมไม่ได้เยอะ จังหวัดที่ต้องเร่งจ่ายเงินช่วยเหลือประชาชน ที่น้ำท่วมบ้านจนพัง แทนที่จะไปช่วยประชาชนติดตามดู แต่กลับไม่ได้ไปติดตามเลย
ข้อมูลนี้ทำให้นายกฯยิ่งลักษณ์เสียงลั่นขึ้นมาว่า "จังหวัดไหนให้ไปหามา" ปลอดประสพ จึงตอบเพียงว่า เป็นจังหวัดที่ขึ้นต้นชื่อว่า "สมุทร ๆ "
แม้ปลอดประสพจะกล่าวถึงความล่าช้ามหาดไทยขาดการใส่ใจเยียวยาพี่น้องจากภาวะน้ำท่วม แต่กระนั้นนายกฯ ก็ยังติดใจปัญหาภัยแล้ง โดยกล่าวอีกว่า อย่างเรื่องภัยแล้งมันแล้งขนาดนั้นเลยหรือ ปลอดประสพ จึงยืนยันต่อไปอีก คงไม่ถึงขนาดนั้น
"ผมเองไปลงพื้นที่ ยกตัวอย่าง จ.พระนครศรีอยุธยา ผวจ.บอกว่าแล้งอย่างนั้น แล้งอย่างนี้ ผมเลยหางบให้ 6 ล้านบาท ไม่แล้งเลยทีนี้"
ทำให้นายกฯ กล่าวอีกว่า วิธีการแบบนี้ คนที่ถืองบกลางก็ลำบาก จะอนุมัติงบประมาณ 1.2 แสนล้านหรือ 3.5 แสนล้าน เขียนโครงการไปที่นั่นที่นี้ดักหน้าดักหลังกัน เพราะฉะนั้นกระทรวงมหาดไทยต้องไปสร้างจิตสำนึกและไปอธิบายความให้เข้าใจ ไม่ใช่ประกาศมาเพื่อจะเอางบฉุกเฉินหรืองบซีอีโอไปใช้ ต้องให้ไปดูให้เรียบร้อย ซึ่งรองฯยงยุทธก็ไม่ได้ชี้แจงอะไร เพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น
บรรยากาศผ่านห้องประชุมครม. ยังสะท้อนไปถึงการทำงาน 9 เดือนที่ผ่านมา ยิ่งลักษณ์ วนเวียนอยู่กับข้อมูลที่ถูกส่งผ่านบริวารประเภทใด จนทำให้ขยะใต้พรมปูดออกมามากขึ้น มากขึ้นเพราะด้วยปัญหาอื่นสมทบตามมาอีกต่างหาก
บทเครียดๆ เริ่มผ่องถ่ายออกมาจากจิตใต้สำนึก เพราะเริ่มรู้ตัวแล้วใช่ไหมว่า "หายนะกำลังจ่อคอหอย"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : http://www.thairath.co.th/column/pol/hehapatee/258711
Re-Writer : A Horse With No Name.
แสดงความคิดเห็น คลิก "ความคิดเห็น" ด้านล่างนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น