วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

>> ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ร่วมรายการ "นายกยิ่งลักษณ์พบประชาชน"

เมื่อวันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555  "ณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ" รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมรายการ "นายกยิ่งลักษณ์พบประชาชน" กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาและแก้ไขปัญหาสินค้าการเกษตร
ที่มา : นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ 


ณัฐวุฒิ  ไสยเกื้อ รายงานไว้ในเฟซบุ๊กของเขาดังนี้ :

รายการรัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม 2555 เป็นการสัมภาษณ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีนายธีรัตถ์ รัตนเสวี เป็นผู้ดำเนินรายการ

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึง บทบาทในการนำสินค้าสหกรณ์มาช่วยดูแลค่าครองชีพว่า จริงๆ สหกรณ์ผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวันมานานแล้ว แต่ไม่ได้นำออกมาอย่างชัดเจน ก็เลยกราบเรียนนายกฯ ว่ามีพี่น้องสหกรณ์และสินค้าสหกรณ์ที่จะนำออกขาย ตั้งชื่อว่า "โครงการถูกทั้งแผ่นดิน" ซึ่งที่ผ่านมาได้ผลตอบรับดี เริ่มต้นเปิดจังหวัดละ 1 ร้าน และในกทม. 10 ร้าน รวมเป็น 87 ร้าน จนถึงวันนี้ก็ 2 สัปดาห์เต็ม ยอดขาย 80 ล้านบาทแล้ว

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ขยายไปในระดับอำเภอ อำเภอไหนที่พร้อมก็ขยายได้เลย เรื่องนี้นอกจากลดค่าครองชีพแล้ว ยังอธิบายความว่าผู้บริโภคมีทางเลือก สินค้าสหกรณ์ก็เป็นตัวอย่างของสินค้าที่ราคาถูกกว่า บรรจุภัณฑ์ไม่แตกต่าง เมื่อดูคุณภาพ พี่น้องเกษตรกรทำด้วยความตั้งใจ ความรับผิดชอบ วัตถุดิบหามาเอง คุณภาพไม่ต้องกังวล มีตัวชี้วัดว่าในร้านที่เปิดขายมีผู้บริโภคมาซื้อมากขึ้น และมีการซื้อซ้ำ

นอกจากนี้ ให้มีการแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกัน ในระหว่างจังหวัด เป็นบาร์เตอร์เทรดแบบสหกรณ์ เช่น แลกน้ำมันพืชกับข้าวสาร ระบบนี้ทดลองแล้วบางที่ ก็ได้ผล แต่ต้องส่งเสริมให้มากขึ้น ตั้งใจนำร่องคลังสินค้าส่งในจังหวัด ซึ่งจะประสานกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงพาณิชย์ เชิญโชวห่วยในจังหวัดมาร่วมสมัครในสหกรณ์จำหน่ายสินค้าในราคาสหกรณ์ สมมติร้านโชวห่วยซื้อของจากสหกรณ์ไปบวกราคานิดหน่อยก็ยังถูกกว่าท้องตลาด ขณะเดียวกันประชาชนก็มีทางเลือกในการบริโภค พี่น้องสหกรณ์สามารถเพิ่มกำลังการผลิต เงินทองก็หมุนเวียนในตลาด

รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า คนมักวิจารณ์ว่าตนทำแบบไฟไหม้ฟางหรือทำตามกระแส ซึ่งไม่ใช่ แต่นี่เป็นก้าวแรกที่จะทำให้ร้านค้าสหกรณ์ยืนได้ในร้านค้าหรือห้างต่างๆ และทำให้สมาชิกสหกรณ์มีรายได้

ส่วนการวัดผล ในเรื่องสหกรณ์เดินไปข้างหน้าเรื่องสินค้า ถ้านำร่องได้ใน 2-3 จังหวัด และได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคก็จะขยายพร้อมๆกันทั่วประเทศ

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า จะมีการผลักดันให้มีการประกาศวาระแห่งชาติในเรื่องสหกรณ์ ซึ่งเราจะประกาศกันในเดือนกรกฎาคมนี้ หนึ่งในแนวคิดคือเม็ดเงินในสหกรณ์ 1.7 ล้านล้านบาท ส่วนหนึ่งจะปล่อยสินเชื่อให้โครงการของหน่วยงานรัฐ ทำให้สหกรณ์ เป็นแหล่งสินเชื่อ ซึ่งจะทำให้สหกรณ์มั่นคงเพราะลูกหนี้เป็นหน่วยงานรัฐ เม็ดเงินก็หมุนอยู่ในนี้ กำลังมอบให้ทีมดูความเป็นไปได้ ข้อกฎหมายถ้าเดินไปจะเดินเรื่องนี้และประกาศเรื่องนี้ออกมาด้วย

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า จะติดตามผลเรื่องการทำบัญชีครัวเรือน เพื่อดูว่าประชาชนมีการเก็บหอมรอมริบหรือไม่ เพราะประชาชนบ่นว่ารายได้ไม่พอรายจ่ายทั้งที่แต่ละเดือนไม่รู้เลยว่าจ่ายไปเท่าไรก็จะเริ่มต้นสอนบัญชีออกโทรทัศน์มีอาสาสมัครที่เป็นครูบัญชีอาสามาสอน เราจะให้ความรู้เรื่องบัญชีครัวเรือนกันในจอโทรทัศน์และทำเป็นซีดี การให้ความรู้เรื่องบัญชีครัวเรือนเป็นเรื่องของทุกคน ถ้ามีวินัยในการทำบัญชีครัวเรือนจะเกิดวินัยในการดำรงชีพ เผลอๆคนที่รวยๆก็อาจจะนั่งเรียนไปพร้อมๆกัน ทำให้การทำบัญชีครัวเรือนเป็นที่รู้จักในวงกว้าง

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า กรณีแท็กซี่ขอปรับขึ้นค่าโดยสารว่า การขอปรับค่าแท็กซี่ มีการเจรจากับสหกรณ์แท็กซี่ ซึ่งความเคลื่อนไหวเรื่องนี้ มีมาก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งรัฐมนตรี จำได้ว่าพี่น้องแท็กซี่ขีดเส้นไว้ว่า 16 พ.ค.จะขึ้น ตนจึงไปคุยกับกลุ่มต่างๆ จนได้ข้อสรุปว่าจะยังไม่ขึ้น อีกอย่างน้อย 3 เดือนจากนี้ ซึ่งในระหว่าง 3 เดือนนี้ตนก็จะเดินไปหารือและอธิบาย หากบอกว่าจำเป็นต้องขึ้นราคาก็ต้องดูเหตุผลที่จะขึ้น จะให้แท็กซี่เอาสินค้าสหกรณ์ไปขายด้วยได้หรือไม่ เพราะสินค้าหลายตัวสหกรณ์ผลิตแล้วขึ้นห้าง

"จากนี้อีก 3 เดือนไม่ขึ้นแน่ๆ แต่หลังจากนั้นต้องคุยกัน ในฐานะฝ่ายบริหารก็ต้องเข้าไปพูดคุย ดีกว่าให้พี่น้องแท็กซี่ยกขบวนมาหาผม ผมต้องไปหาเขา และหาทางคลี่คลายก่อน ตอนนี้ที่เขาร้องเรียนมาคือค่าครองชีพ ราคาพลังงาน สวัสดิภาพ สวัสดิการต่างๆ ซึ่งก็ต้องหารือกับผู้บริหารของสหกรณ์ในการยกระดับคุณภาพชีวิตของแท็กซี่ได้อย่างไร" นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวถึง ปัญหาราคายางตกต่ำว่า ราคายาง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาวูบวาบอย่างผิดปกติ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ในยุโรปกระทบบ้าง

แต่วงจรการผลิตยังอยู่ ซึ่งตนได้ให้หน่วยงานที่กำกับดูแลมาคุยกับภาคเอกชน ให้ไปซื้อยางมาจากสต็อกในตลาดญี่ปุ่นและจีน มารีเอ็กปอร์ต เพื่อให้ปริมาณสต็อกในจีนและญี่ปุ่นลดลง ก็ทำให้ราคาขึ้นมาได้ 4-5 วันแล้วราคาก็ตกไปอีก

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า มีแผนจะเดินทางไปคุยกับมาเลเซียและอินโดนีเซียในการจับมือร่วมกันแก้ปัญหาราคายางราคาที่ปรับลดลง ซึ่งตั้งแต่ยุครัฐบาลทักษิณ มีการตั้งบริษัทร่วมทุนกันขึ้นมาแล้ว ทำให้ราคาปรับสูงขึ้นมาและไม่ได้ทำให้ราคาตกลงอีกเลย แต่กลไกดังกล่าวถูกปล่อยวางไว้นานพอควรผมก็จะเข้าไปขับเคลื่อน

"ผมได้คุยกับทีมงานว่า จะเดินทางไปพบกับผู้บริหารเรื่องยางที่อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ซึ่งเราเคยมีความร่วมมือ 3 ประเทศอยู่แล้ว จะหารือเพื่อประเมินสถานการณ์เฉพาะหน้าว่าเป็นอย่างไร และคิดว่าสถานการณ์นี้ (ราคายางที่ปรับลง) เราจะมีมาตรการในการรับมือร่วมกันอย่างไร รวมทั้งการวางมาตรการในระยะยาว

นอกจากนี้ มองว่าน่าจะมีการดึงประเทศเวียดนาม ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางพารา รายใหญ่อันดับ 4 ของโลกเข้าร่วมหารือ รวมถึงประเทศลาวและกัมพูชา ซึ่งเป็นประ เทศที่กำลังขยายพื้นที่การเพาะปลูกยางพารา เพราะในปี 58 จะเปิดเสรีประชาคม อาเซียน (AEC) แล้ว ก็ควรจะหารือร่วมกันเพื่อเตรียมตัวรองรับ AEC

เมื่อถามถึงการลดการปลูก นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดเรื่องลดการปลูกเพราะยังเป็นพืชที่มีอนาคตและความต้องการผลผลิตยางพาราในตลาดโลกยังมีความต้องการสูง จีนต้องการ 3.5 แสนตัน.

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ15 กรกฎาคม 2555 เวลา 21:15

    ควรมีการปลูกยางพาราเพิ่มในจังหวัดตาก

    ตอบลบ
  2. ยางพาราในจังหวัดตากตั้งสหกรณ์ผู้ปลูกยางพาราแล้วครับ ติดต่อปรึกษาเรื่องการส่งเสริมการปลูกยางพาราได้ที่ สนง.สวนยางจังหวัดตาก ก่อนถึงปั๊ม ปตท.หน้าศูนย์สร้างทางตาก ก่อนขึ้นสะพานกิตติขจร หรือ ปรึกษาลู่ทางยางพาราได้ที่รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก(วุฒิ สิทธิสุราษฎร์) ครับ

    ตอบลบ