ก่อนเปิดเออีซีที่มีมูลค่า 7,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าที่เติบโตมากจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรมมากกว่าสินค้าเกษตรกรรม
โดยสัดส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่ไทยส่งออกไปพม่าจะเพิ่มจาก 72.7% เป็น 74.3% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีละ 5,093 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเกิน 10,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 19.8% เป็น 27.7% ต่อปี
เครื่องจักร เชื้อเพลิง ยานยนต์ พลาสติก อุปกรณ์ไฟฟ้า ยางและของที่ทาด้วยยาง เคมีภัณฑ์อินทรีย์ เหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม
แต่มีสินค้าดาวเด่นที่ส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นหลังเปิดเออีซี เช่น
ฝู้าย อะลูมิเนียม เซรามิก ซีเมนต์ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าทอชนิดพิเศษ ทองแดง เครื่องหนัง และเรือ
โดยทั้งหมดนี้ขณะที่สินค้าดาวร่วง เช่น รองเท้า สบู่ สารซักล้าง เครื่องแต่งกาย หนังสือและรูปภาพ
ทำให้ต่อไปสัดส่วนส่งออกสินค้าเกษตรจะลดลงเหลือ 25.7% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 27.3% แต่ยังขยายตัวได้เฉลี่ย 0.9% ต่อปี หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1,917 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 3,646 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าเกษตรที่ยังคงขยายตัวได้ดีอยู่ เช่น เครื่องดื่ม เกลือ กำมะถัน ดิน และหิน เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์นม และน้ำมันที่ได้จากสัตว์และพืช
ส่วนสินค้าดาวเด่นเกษตรหลังเปิดเออีซี เช่น กลุ่มอาหารเลี้ยงสัตว์ ยาสูบ เมล็ดพืช ไม้ประดับ
ขณะที่สินค้าดาวร่วง เช่น ผลไม้ เนื้อสัตว์ โกโก้ และกาแฟ
ที่มา : เดลินิวส์
เรื่องที่เกี่ยวข้อง : การเป็นจังหวัดแม่สอด
: Dawei Project
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น