วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2555

>> แนะลงทุนในพม่า ก่อนเปิด AEC

AEC-ASEAN
บทความและบทวิเคราะห์AEC   24 มิถุนายน 2555
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิเคราะห์โอกาสส่งออกของไทยไปพม่าหลังการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 58 ดังนี้
การส่งออกไทยไปพม่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.1% ต่อปี หรือสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น 2 เท่า
ก่อนเปิดเออีซีที่มีมูลค่า 7,010 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1.42 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยสินค้าที่เติบโตมากจะเป็นสินค้าอุตสาหกรรมมากกว่าสินค้าเกษตรกรรม
โดยสัดส่วนสินค้าอุตสาหกรรมที่ไทยส่งออกไปพม่าจะเพิ่มจาก 72.7% เป็น 74.3% และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีละ 5,093 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นเกิน 10,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 19.8% เป็น 27.7% ต่อปี
project_update_thai
สาหรับสินค้าอุตสาหกรรมที่ส่งออกไปพม่า 10 อันดับแรก เป็นกลุ่มเดิม เช่น
เครื่องจักร เชื้อเพลิง ยานยนต์ พลาสติก อุปกรณ์ไฟฟ้า ยางและของที่ทาด้วยยาง เคมีภัณฑ์อินทรีย์ เหล็กหรือเหล็กกล้า ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม

แต่มีสินค้าดาวเด่นที่ส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้นหลังเปิดเออีซี เช่น
ฝู้าย อะลูมิเนียม เซรามิก ซีเมนต์ เฟอร์นิเจอร์ ผ้าทอชนิดพิเศษ ทองแดง เครื่องหนัง และเรือ

โดยทั้งหมดนี้ขณะที่สินค้าดาวร่วง เช่น รองเท้า สบู่ สารซักล้าง เครื่องแต่งกาย หนังสือและรูปภาพ
Dawei Strategic Location
สินค้าเกษตรไทยมีโอกาสเติบโตในพม่าได้น้อย เนื่องจากพม่าเป็นประเทศกสิกรรมสามารถเพาะปลูกสินค้าเกษตรได้คล้ายกับไทย อีกทั้งยังมีพื้นที่เพาะปลูกเหลือใช้จำนวนมาก

ทำให้ต่อไปสัดส่วนส่งออกสินค้าเกษตรจะลดลงเหลือ 25.7% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 27.3% แต่ยังขยายตัวได้เฉลี่ย 0.9% ต่อปี หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 1,917 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 3,646 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยสินค้าเกษตรที่ยังคงขยายตัวได้ดีอยู่ เช่น เครื่องดื่ม เกลือ กำมะถัน ดิน และหิน เครื่องปรุงรส ผลิตภัณฑ์นม และน้ำมันที่ได้จากสัตว์และพืช

ส่วนสินค้าดาวเด่นเกษตรหลังเปิดเออีซี เช่น กลุ่มอาหารเลี้ยงสัตว์ ยาสูบ เมล็ดพืช ไม้ประดับ

ขณะที่สินค้าดาวร่วง เช่น ผลไม้ เนื้อสัตว์ โกโก้ และกาแฟ
โอกาสการลงทุนไทยในพม่าหลังเปิดเออีซี ค่อนข้างเปิดกว้าง เพราะหลังจากที่พม่าเปิดประเทศ มีการแก้ไขกฎระเบียบเกี่ยวกับการลงทุน เช่น ยกเว้นภาษีให้นักลงทุนจาก 3 ปี เพิ่มเป็น 5 ปี ทำให้เกิดความชัดเจนมากขึ้น เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะย้ายฐานการลงทุนไปพม่า เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงาน อีกทั้งพม่ายังมีทรัพยากรอีกมาก และมีการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งท่าเรือและโรงแรมระดับ 5 ดาว รองรับ เป็นโอกาสที่ธุรกิจไทยจะต้องเร่งไปลงทุนทั้งธุรกิจท่องเที่ยว โลจิสติกส์ สิ่งทอ รองเท้า อุตสาหกรรมเกษตรและแปรรูป ก่อสร้าง และธุรกิจบริการ เช่น อู่ซ่อมรถ ถือว่ามีโอกาสมากที่จะไปลงทุนในพม่า

ที่มา : เดลินิวส์

เรื่องที่เกี่ยวข้อง : การเป็นจังหวัดแม่สอด
                          : Dawei Project
Picture1

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น